วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ไทม์ส ตั้งเมืองแห่งการสับสน

นิตยสารไทม์ส เสนอบทความการเมืองของไทยชี้ว่าประชาธิปไตยของไทยผิดรูปเชื่อหลังการเลือกตั้งยังวุ่นวายเนื่องจากการแบ่งขั้วส่วนการประท้วงของประชาชนเป็นเพียงการแสดงออกทางการเมือง



นิตยสารไทม์ส ของสหรัฐ ฉบับวางแผงวันที่ 4 กรกฎาคม 2554 นำเสนอบทความ"เมืองแห่งความสับสน"เกี่ยวกับการเมืองไทย โดย แอนดรูว์มาร์แชล ว่าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นใน 3 กรกฎาคมบ่งบอกถึงความผิดปกติหรือความผิดที่ผิดทางของก้าวย่างประชาธิปไตยไทยซึ่งครั้งหนึ่งได้รับการมองว่าเป็นประเทศอนาคตสดใสเป็นผู้บุกเบิกด้านประชาธิปไตยในภูมิภาค โดยนำกรณี การลงสมัครส.ส.ของพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้นำคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติผู้ก่อการรัฐประหารมาลงสมัครรับเลือกตั้งเปลี่ยนจากผู้นำคณะรัฐประหารมาเป็นผู้กอบกู้ประชาธิปไตย แสดงให้เห็นชัดว่าการเมืองไทยมันผิดรูปผิดร่างอย่างไร 

 

ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเพื่อไทย นำโดย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวคนเล็กของพันตำรวจโททักษิณ ได้รับคาดหมายว่าจะชนะเลือกตั้งโดยมีพรรครัฐบาลประชาธิปัตย์ ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นคู่แข่งสำคัญ ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ/โดยมาร์แชล ระบุว่าเมืองไทยผ่านการปฏิวัติมาแล้ว 18 ครั้งและอาจมีการปฎิวัติครั้งที่ 19 ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแล้วมีการเอาคืนกับอดีตคณะปฏิวัติ แม้ผู้นำกองทัพจะปฎิเสธข่าวลือปฎิวัติ แต่สังคมไทยคงอดสงสัยไม่ได้  

 


บทความนี้ยังระบุว่าหลังเลือกตั้ง ใช่ว่าสังคมไทยจะสงบสุขเพราะเกิดแบ่งขั้วแบ่งฝ่ายไปแล้ว  หากเพื่อไทยชนะต้องเผชิญการต่อต้านจากกลุ่มคนเสื้อเหลืองแต่ถ้าหากประชาธิปัตย์ชนะและมีทหารสนับสนุนให้เป็นรัฐบาล  กลุ่มคนเสื้อแดงก็ต้องออกมาการที่มีเหตุประท้วงตามถนนเป็นการแสดงให้เห็นว่าคนไทยจากทุกภาคส่วนต้องการแสดงออกทางการเมืองมากขึ้นรวมทั้งอยากมีส่วนร่วมและต้องการความโปร่งใสในการบริหารบ้านเมืองมากกว่านี้

 


นายชวน หลีกภัยประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าปัญหาการเกิดปฎิวัติรัฐประหารหลังการเลือกตั้งไม่มีแน่นอนเพราะมันไม่มีเหตุผล นอกจากจะมีการปลุกระดมเพื่อพูดให้เสียหายต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เช่น ทหารเสียหาย หากคนนั้นชนะและคำถามนี้ไม่น่าเกิดขึ้นและไม่ควรตั้งคำถามสมมุติอีกส่วนการตั้งรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยใช้เสียงข้างมากใครรวมเสียงข้างมากไม่ได้ รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ที่สำคัญคือจำนวนเสียงเท่านั้น

 

Produced by Voice TV