"กิตติรัตน์"เตือนเอกชนระวังเศรษฐกิจโลกปีหน้า

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เตือนเอกชนระวังเศรษฐกิจโลกปีหน้าชะลอตัว ส่งผล กระทบการต่อการส่งออกของไทย   จึงขอให้เร่งปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตรองรับนโยบายปรับค่าแรง 300 บาท ขณะที่ภาคเอกชนยังมั่นใจว่าการส่งออกปีนี้ขยายตัวได้   นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการสัมมนาหัวข้อ วิกฤติการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ผลกระทบและการปรับตัวของผู้ส่งออกไทย ว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2555 มีแนวโน้มเติบโตลดลง อาจส่งผลให้การส่งออกของไทยชะลอตัวลง จากกำลังซื้อที่หดตัวในประเทศคู่ค้า ทำให้ไทยขายสินค้าได้ยากขึ้น ท่ามกลางภาวะต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจากนโยบายปรับค่าแรง 300 บาท ดังนั้น ภาคเอกชนจึงควรอาศัยช่วงจังหวะนี้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ตลอดจนทำงานร่วมกับภาครัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยกันขจัดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจต่างๆ    ส่วนเรื่องการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภค นายกิตติรัตน์ ยืนยันว่า รัฐบาลจะดูแลราคาสินค้าทั้งระบบอย่างมีเสถียรภาพและให้ความมั่นใจว่า หลังจากนี้ค่าครองชีพจะไม่ทะยานขึ้น แม้ว่ามาตรการของรัฐบาลจะเดินหน้าในเรื่องค่าแรงซึ่งอาจทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น แต่ก็จะเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งหลังจากปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันก็จะเริ่มเห็นการปรับตัวลดลงของราคาสินค้าเนื่องจากต้นทุนการผลิตลดลง แต่คงจะค่อยๆทยอยปรับลดในแต่ละกลุ่มสินค้า ส่วนการจัดทำงบประมาณในปี 2555 จะยังยังคงเป็นงบขาดดุล เพราะไทยยังไม่ได้เป็นประเทศที่มีหนี้สาธารณสูง และคงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่ไทยจะรัดเข็มขัด สำหรับปัญหาเงินเฟ้อไทยยังสามารถควบคุมได้ดี เชื่อว่าจะไม่เป็นปัญหาต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ด้านนายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะชะลอตัวแต่ไม่ถึงขั้นถดถอย ขณะที่การส่งออกของไทยลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐลงมาอยู่ที่ประมาณ 10.7 เปอร์เซ็นต์ และ อียู 9.6 เปอร์เซ็นต์มูลค่ารวมกัน 44,809 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งน้อยกว่ากลุ่มอาเซียน จีน และญี่ปุ่น ซึ่งจากพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยและภาคเอกชนไทยที่มีความแข็งแกร่ง เห็นได้จากยอดส่งออกในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ที่ขยายตัวสูงถึง 25.7 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เชื่อมั่นว่าการส่งออกตลอดทั้งปีจะขยายตัวได้ถึง19-20.5 เปอร์เซ็นต์ หรือมีมูลค่า 233,998 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ    Produced by VoiceTV