วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ขานรับนโยบายกระชากค่าครองชีพ

หลายภาคส่วนเริ่มตั้งคำถาม  เกี่ยวกับมาตรการกระชากค่าครองชีพรัฐบาล เพราะมีผู้ได้รับผลกระทบ   จากการงดเว้นการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันของรัฐบาล 

 

ขณะที่หน่วยงานในสังกัดของรัฐบาล  ต่างทยอยขานรับนโยบายดังกล่าว

 

การประกาศงดเว้นการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันชั่วคราวของรัฐบาล ทำให้แต่ละหน่วยงานขานรับนโยบายกระชากค่าครองชีพของรัฐบาลกันอย่างคึกคัก


พรุ่งนี้ (30ส.ค.54)  ปตท.และบางจาก ประกาศลดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดลง 60 สตางค์ต่อสิตร ต่อจากการลดราคาน้ำมันเบนซินและดีเซล ที่เริ่มไปตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา   โดยบางจากเปิดเผยว่า มาตรการลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้ยอดขายแก๊สโซฮอล์ของบางจากในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ลดลงร้อยละ 18   ในขณะที่เบนซิน 91 มียอดใช้เพิ่มขึ้นถึง 200%   จึงตัดสินใจลดราคา เพื่อทำให้เกิดส่วนต่าง 83 สตางค์ต่อลิตร และเห็นว่าส่วนต่างระหว่างแก๊สโซฮอล์กับน้ำมันเบนซิน ควรจะอยู่ที่ 2.50 บาท ต่อลิตร เพื่อจูงใจผู้ใช้รถยนต์ 



ขณะที่กระทรวงคมนาคม  ได้ข้อสรุปตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้ จะลดราคาค่ารถเมล์ ขสมก. โดยรถปรับอากาศลดลง 1 บาท  รถไม่ปรับอากาศ ลด 50 สตางค์ จาก 7 บาท เป็น 6.50 บาท   ส่วนค่าโดยสารรถ บขส. ลดค่าโดยสาร 2 สตางค์ต่อกิโลเมตร  ขณะที่เรือด่วนเจ้าพระยาจะลดลงระยะละ 1 บาท  และเรือข้ามฟากลดลง 50 สตางค์  นอกจากนี้ ยังคงมาตรการรถเมล์ฟรีและรถไฟฟรีไว้ แต่จะพิจารณาปรับลดเที่ยววิ่ง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีผู้โดยสารใช้บริการน้อย



ส่วนรถร่วมเอกชนทั้งของ บขส. และ ขสมก. จะต้องหารือกับเอกชน เนื่องจากต้องเป็นไปตามมติของคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง  ซึ่งนางสุจินดา เชิดชัย หรือ เจ๊เกียว นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารแห่งประเทศไทย และ เจ้าของอู่เชิดชัย ระบุว่าจะไม่ลดค่าโดยสาร เพราะราคาน้ำมัน ยังสูงกว่าต้นทุนของราคาค่าโดยสาร แต่กลุ่มผู้ประกอบการจะประชุมร่วมกันในวันศุกร์นี้ เพื่อหาข้อสรุปและพูดคุยกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และอธิบดีกรมการขนส่งทางบกอีกครั้ง


 
แต่ในมุมมองของภาคเอกชน การปรับลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงนี้ อาจไม่ตอบโจทย์เรื่องการลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค เนื่องจากที่ผ่านมา ปัญหาราคาน้ำมันแพง เคยเป็นปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนสูง แต่ผู้ประกอบการก็เปลี่ยนการใช้งานจากน้ำมันเบนซิน ไปเป็นน้ำมันดีเซล ซึ่งราคาถูกกว่าแล้ว  และเมื่อรัฐบาลประกาศเว้นการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน จนราคาน้ำมันดีเซล ลดลงลิตรละ 3 บาทนั้น   จึงไม่ทำให้ต้นทุนราคาสินค้าอุปโภค บริโภคลดลงมากนัก



นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการคำนวณต้นทุนการผลิตทั้งระบบ เท่าที่พิจารณาเบื้องต้น บางรายการราคาจะลดลงเพียง 25 สตางค์เท่านั้น เช่น ตู้เย็นราคากว่า 1 หมื่นบาท ลดลงเพียง 3 บาท เช่นเดียวกับสินค้าอีกหลายรายการ สอดคล้องกับความเห็นของนายอาชว์ เตาลานนท์ รองประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานกิตติมศักดิ์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่ออกมาเปิดเผยว่า ต้นทุนการผลิตของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นในหลายส่วน ทั้งจากวัตถุดิบในตลาดโลก  ค่าแรงที่เพิ่มขึ้น  การลดราคาน้ำมัน จึงไม่ได้ช่วยให้ราคาสินค้าถูกลงมากนัก  จึงเห็นว่ารัฐบาลควรสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนอย่างจริงจัง  



เรื่องนี้จึงเป็นโจทย์ให้รัฐบาลเร่งหาทางออก ให้กับผู้บริโภคและผู้ประกอบการ เพื่อทำตามนโยบายกระชากค่าครองชีพที่ได้วางไว้ ซึ่งภายในสัปดาห์นี้ กรมการค้าภายใน จะเชิญผู้ประกอบการหารือ  เพื่อปรับลดราคาสินค้าบางกลุ่มเพิ่มเติม

 

Produced by VoiceTV