วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กบง.สร้างส่วนต่างราคาน้ำมัน

ธนาคารแห่งประเทศตั้งข้อสังเกตุให้รัฐบาลระวังเรื่องมาตรการกระชากค่าครองชีพ ขณะวันนี้คณะกรรมการนโยบายพลังงาน พิจารณาลดราคาแก๊สโซฮอลล์ลง

 

ยังคงเดินหน้ามาตรการกระชากค่าครองชีพต่อเนื่อง โดยวันนี้ (30 ส.ค. 54) คณะกรรมการนโยบายพลังงาน หรือ กบง.ประชุมด่วนเพื่อพิจารณาลดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ เพื่อให้ส่วนต่างราคาห่างจากเบนซิน 91  มากกว่า 2 บาท ตามที่นายกรัฐมนตรีระบุไว้ เพื่อไม่ให้กระทบต่อนโยบายพลังงานทดแทน  เพราะหลังใช้มาตรการลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา  ประชาชนใช้แก๊สโซฮอล์ลดลง แต่ไปใช้เบนซินกลับเพิ่มขึ้นเท่าตัว เพราะราคาห่างกันเพียง  23 สตางค์ต่อลิตร
 


ที่ประชุม กบง.  จึงมีมติให้ลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน  ในส่วนของแก๊สโซฮอล์ 91 ลงลิตรละ 1 บาท 60 สตางค์  และแก๊สโซฮอล์ 95  ลดลงลิตรละ 1 บาท 7 สตางค์โดยให้มีผลทันที



จากมตินี้ จะทำไห้ส่วนต่างระหว่างน้ำมันเบนซินกับแก๊สโซฮอล์ ห่างกันลิตรละ 3 บาท 3 สตางค์  และในวันพรุ่งนี้ (31 ส.ค. 54) ราคาขายปลีกแก๊สโซฮอล์ 91 95 และอี 20  ของ ปตท. และบางจาก  จะเหลือระหว่าง 21 บาท 32 สตางค์ ถึง 35 บาท 37 สตางค์


นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มาตรการนี้ อาจช่วยลดแรงกดดันที่มีต่ออัตราเงินเฟ้อให้ลดลงได้  แต่แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจ และบรรเทาภาระการใช้จ่ายของประชาชน จะต้องไม่สร้างปัญหาใหม่ เช่น นโยบายลดราคาน้ำมัน ต้องคิดให้เบ็ดเสร็จถึงโยบายพลังงานทดแทน  และต้องให้ความสำคัญ  เรื่องภาระการคลังด้วย


ซึ่งนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน  กล่าวว่า การปรับเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมัน  ทำให้มีเงินไหลเข้ากองทุนจากกลุ่มเบนซินเพียง 10 ล้านบาทต่อเดือน รายได้หายไป 454 ล้านบาทต่อเดือน


ส่วนสถานะกองทุนน้ำมันล่าสุดมีเงินในบัญชีเหลืออยู่ 16,707 ล้านบาท และมีหนี้อยู่ 15,351 ล้านบาท  ซึ่งเป็นหนี้จากก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (เอ็นจีวี) 4,827 ล้านบาท และก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)ประมาณ 8,282 ล้านบาท ทำให้สถานะกองทุนฯยังเหลือเงินสุทธิ 1,356 ล้านบาท  ซึ่งจะใช้พยุงราคาพลังงานต่างๆ ได้ถึงสิ้นปีนี้เท่านั้น   ส่วนเดือนมกราคม ปีหน้า จะต้องกู้เงินมาพยุงราคาพลังงานอีก

 

Produced by Voice TV