วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

กรมควบคุมโรคชี้ มีผู้ป่วยเรื้อรังกว่า 5 ล้านคนได้รับผลกระทบน้ำท่วม

กรมควบคุมโรคชี้ มีผู้ป่วยเรื้อรังกว่า 5 ล้านคนได้รับผลกระทบน้ำท่วม

กรมควบคุมโรคคาดมีผู้ป่วยเรื้อรัง 5 ล้านคนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แนะวิธีปฏิบัติตัวของผู้ป่วยเรื้อรัง ก่อนโรคทวีความรุนแรง

 

นายแพทย์พรเทพ  ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในภาวะภัยพิบัติน้ำท่วมในประเทศไทย กรมควบคุมโรค ประมาณการมีผู้ป่วยเรื้อรัง 5 โรค

- ความดันโลหิตสูง

- เบาหวาน

- หัวใจขาดเลือด

- อัมพฤกษ์อัมพาต

- โรคหอบหืด

 

โดยประชาชนกว่า 5 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงสูงมากที่โรคจะกำเริบ หรือรุนแรงมาก ได้แก่

1. กลุ่มที่ขาดยาและควบคุมโรคไม่ได้ก่อนน้ำท่วม ซึ่งเข้าไปนอนรักษาในโรงพยาบาลบ่อย ๆ

2. กลุ่มผู้สูงอายุมากกว่า 70 ปี ซึ่งมีโรคประจำตัว

 

ทำให้โรคเหล่านี้มีความรุนแรงขึ้นจนเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว อัมพาตทันที ระบบหายใจล้มเหลว ภาวะวิกฤตความดันโลหิตสูง ภาวะวิกฤตเบาหวาน และโอกาสสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่าย

 

สาเหตุที่ทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นมาจากภาวะความเครียด การขาดความสามารถปรับจัดการโรคในภาวะวิกฤตด้วยตนเอง การขาดยา และความลำบากในการเข้าถึงบริการเมื่อจำเป็น เป็นต้น ดังนั้น

กรมควบคุมโรค ขอแนะนำแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรังในพื้นที่ประสบอุทกภัย 7 ข้อ ดังนี้

 

1.อพยพออกจากพื้นที่ประสบภัย เพื่อได้รับความช่วยเหลือง่าย ควรไปอยู่กับญาติในพื้นที่น้ำไม่ท่วมมากกว่าอยู่ศูนย์พักพิง  หากอยู่ที่ศูนย์พักพิงควรแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์พักพิงในกรณีที่ท่านมีโรคประจำตัว

2.ควรนำยาที่ใช้อยู่เป็นประจำติดตัวมาด้วย  จัดเก็บยาในภาชนะที่เหมาะสม และรับประทายยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และพกบัตรประจำตัวผู้ป่วยหรือบัตรแสดงตัวที่มี    เลขประจำตัว 13 หลัก ติดตัวตลอดเวลา

3.ควรเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเหมาะสมและฝึกหายใจ  คลายเครียด  โดยหายใจเข้าลึกและผ่อนคลายลมหายใจออกช้าๆ ประมาณ 15 ครั้งต่อนาที ทำวันละ 3 ครั้งๆ ละ 10 นาที เช้า กลางวัน เย็น หลังอาหาร ครึ่งชั่วโมง

4.ให้ผู้ป่วย ญาติ  สังเกตอาการเตือนของโรคที่จะนำไปสู่ภาวะวิกฤติของโรคอย่างต่อเนื่อง หากพบมีความผิดปกติ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์พักพิง

5.ผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ญาติควรนำยาที่ใช้อยู่เป็นประจำติดตัวมาด้วย จัดเก็บยาในภาชนะที่เหมาะสม พร้อมดูแลให้รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และควรพลิกร่างกายผู้ป่วย อย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง ตรวจดูการเกิดแผลกดทับอย่างสม่ำเสมอ และควรติดป้ายแสดงรายละเอียดไว้ให้กับผู้ป่วย โดยต้องมีรายละเอียดดังนี้ ชื่อผู้ป่วยและญาติที่สามารถติดต่อได้ โรคที่ป่วย และยาที่จำเป็นต้องใช้

6.ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องการทำสาธารณประโยชน์ ไม่ควรหักโหม ควรทำกิจกรรมที่เหมาะสม เช่น การบรรจุถุงยังชีพ  การประกอบอาหาร หลีกเลี่ยงการบรรจุกระสอบทราย เป็นต้น

7.ผู้เป็นเบาหวาน ควรระวังการเกิดแผล โดยเฉพาะที่เท้า และใส่รองเท้าป้องกันน้ำเมื่อต้องลุยน้ำ

 

นายแพทย์พรเทพ กล่าวต่อไปว่า ผู้ป่วยหรือญาติควรตรวจสอบยาที่ตนเองรับประทานประจำอยู่ว่าเพียงพอหรือไม่ และต้องมียารับประทานอย่างน้อย 1-2 เดือน หากสุ่มเสี่ยงจะขาดยาควรติดต่อหน่วยพยาบาลก่อนยาหมด 4-5 วัน เพื่อให้เวลาในการประสานจัดหา และควรรู้จุดที่จะสามารถไปรับยาหรือประสานการรับยาเบื้องต้นได้ หากมีข้อสงสัยติดต่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยพยาบาลในศูนย์พักพิงหรือที่ใกล้ที่สุด หรือศูนย์บริการข้อมูลฮ็อตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทร. 1422 และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ช่วยผู้ประสบภัยสาธารณสุข โทร. 1669

 

Produced by Voice TV