วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ลบล้างผลพวงรัฐประหาร: กรณีศึกษาประเทศเยอรมนี

ลบล้างผลพวงรัฐประหาร: กรณีศึกษาประเทศเยอรมนี

รองศาสตราจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ยกตัวอย่างประเทศเยอรมนีภายใต้รัฐบาลนาซี ขึ้นมาศึกษาเรื่องการทำลายกฎหมายและคำพิพากษาในระบอบเผด็จการฯ

 

ประเทศเยอรมนีภายใต้รัฐบาลนาซี คือช่วงหนึ่งที่มีการพิพากษาคดีอย่างไม่เป็นธรรมอย่างแพร่หลาย ซึ่งต่อมาสภาผู้แทนราษฎรก็ได้ออกประกาศลบล้างคำพิพากษาทั้งหมด และนี่คือตัวอย่างหนึ่งที่รองศาสตราจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ยกขึ้นมาอธิบายเรื่องการทำลายกฎหมายและคำพิพากษาในระบอบเผด็จการฯ

 

ศาลประชาชนสูงสุดที่ก่อตั้งขึ้นโดยอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เพื่อใช้เป็นศาลสูงสุดในคดีอาญาทางการเมือง พิพากษาคดีเกี่ยวกับการทรยศชาติ การวิจารณ์หรือแสดงความสงสัยต่อชัยชนะในสงครามของรัฐบาลนาซีเยอรมันแห่งนี้   เป็นหนึ่งในหลายศาลของเยอรมนี ที่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทำการพิพากษาลงโทษบุคคลจำนวนมากโดยขัดต่อหลักการพื้นฐานทางกฎหมายและความยุติธรรม



หลายครั้งที่ปรากฏชัดว่า ศาลตั้งธงการตัดสินไว้แล้ว ตามแรงจูงใจทางการเมือง เชื้อชาติ และศาสนา และใช้กฎหมายที่ตราขึ้นโดยเผด็จการนาซี  มาพิพากษาลงโทษเหล่านั้น หรือถ้าหากตีความตรงไปตรงมาตามตัวบทกฎหมายแล้วยังไม่สามารถเอาโทษได้ ศาลก็จะพยายามตีความกฎหมาย  จนกระทั่งสามารถพิพากษาลงโทษผู้ต้องหาเหล่านั้น



เช่นคดีของนายลีโอ คัตเซนแบร์เกอร์ นักธุรกิจชาวยิว ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์ทางเพศกับเด็กสาวชาวอารยัน ซึ่งผิดกฎหมายของนาซี แม้ว่าฝ่ายสืบสวนจะไม่สามารถหาหลักฐานได้ว่า ทั้งสองเคยมีความสัมพันธ์กันจริง แต่ศาลได้ตัดสินโดยใช้คำให้การของพยานเพียงคนเดียวที่ให้การว่า เขาเห็นคัตเซนแบร์เกอร์เดินออกจากอพาร์ตเมนท์ของเด็กสาวคนดังกล่าวในเวลากลางคืน ดังนั้น จึงติดสินประหารชีวิตคัตเซนแบร์เกอร์



นอกจากนี้ กระบวนการในการดำเนินคดียังขัดต่อหลักการพื้นฐานหลายประการ เช่น ไม่ยอมให้มีการคัดค้านผู้พิพากษาที่เห็นได้ชัดว่ามีอคติในการพิจารณาคดี ไม่อนุญาตให้นำพยานหลักฐานเข้าหักล้างข้อกล่าวหา  ใช้ศาลชั้นเดียวในการพิพากษาคดี ไม่ยอมให้มีการอุทธรณ์ และจำกัดระยะเวลาในการต่อสู้คดี


ภายหลังสงครามสิ้นสุด จึงมีผู้เรียกร้องให้ลบล้างสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเบื้องต้น ในเขตยึดครองของอังกฤษ ได้ออกข้อกำหนดในปี 2490  ให้อำนาจอัยการในการออกคำสั่งลบล้างคำพิพากษาของศาลนาซี  หรือให้อัยการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งลบล้างคำพิพากษาของศาลนาซีเป็นรายคดีไป ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยาก ทำให้ปัญหาเรื่องคำพิพากษาในสมัยนาซียังคงค้างคาเรื่อยมา


จนในปี 2528 สภาผู้แทนราษฎรแห่งสหพันธ์ได้ประกาศว่า ศาลสูงสุดคดีอาญาทางการเมืองในสมัยนาซีเป็นเครื่องมือก่อการร้าย และให้คำพิพากษาจากศาลดังกล่าวไม่มีผลใดๆ ในทางกฎหมาย และในปี 2545 ก็ได้มีการออกรัฐบัญญัติลบล้างคำพิพากษานาซีที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งมีผลลบล้างคำพิพากษาของศาลสูงสุดคดีอาญาทางการเมือง และศาลพิเศษคดีอาญาทุกคำพิพากษา

 

Produced by Voice TV