ศาลปกครองกลางนัดไต่สวนคดีชาวนนท์ฟ้อง ศปภ.-กทม.
หลังจากที่มีชาวบ้านบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ยื่นฟ้อง ศปภ.และ กทม. ต่อศาลปกครองกลาง แผนกคดีสิ่งแวดล้อม กรณีบริหารจัดการน้ำผิดพลาด ตลอดทั้งวัน ศาลได้นัดไต่สวนนัดแรก โดยมีทั้งฝ่ายชาวบ้านและหลายหน่วยงานของรัฐเข้าให้ข้อมูลประกอบการพิจารณา
ศาลปกครองกลางแผนกคดีสิ่งแวดล้อม นัดไต่สวนนัดแรกคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายในคดีที่ นางทศสิริ พูลนวล ชาวบ้าน อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ยื่นฟ้อง ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ.และกรุงเทพมหานคร กรณีที่ ศปภ.มีมติให้กู้ถนนหลวงสาย 340 บางบัวทอง-สุพรรณบุรีและสายกาญจนาภิเษก
ขณะที่ กทม.ปิดประตูระบายน้ำและเสริมแนวกระสอบทรายช่วงเชื่อมต่อคลองมหาสวัสดิ์และพื้นที่จังหวัดนนทบุรี จนส่งผลให้พื้นที่นนทบุรีมีน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน ซึ่งในการไต่สวนครั้งนี้ มีตัวแทนจากกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมทางหลวง รวมไปถึงกรมชลประทาน ที่มอบให้ นายชัชวาล ปัญญาวาทีนันท์ รองอธิบดีกรมชลประทานฝ่ายบริหาร เป็นตัวแทน และ กทม.ที่มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำ เป็นผู้มาให้ถ้อยคำเพื่อประกอบการพิจารณา ซึ่งศาลใช้เวลาไต่สวนตลอดทั้งวัน
ทั้งนี้ ในระหว่างการพักเที่ยง นางทศสิริ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในช่วงเช้าศาลพิจารณาในส่วนของการคุ้มครองชั่วคราวให้ยุติการกู้ถนน การปิดประตูระบายน้ำ และการวางแนวกระสอบทราย โดยศาลเปิดโอกาสให้แต่ละฝ่ายสามารถซักถามกันเองได้ ซึ่งนางทศสิริ กล่าวว่า การชี้แจงของกรมชลประทานยังไม่ใช่คำตอบ เนื่องจากเป็นเพียงการนำตัวเลขต่างๆมายืนยันว่า การดำเนินการของรัฐไม่ได้กระทบกับระดับน้ำในพื้นที่นนทบุรี ขณะที่ชาวบ้าน ต้องการทราบว่าจะทำให้พื้นที่แห้งสนิทได้ภายในกี่วัน
นอกจากนี้ นางทศสิริไม่ทราบว่าการไต่สวนในวันนี้จะได้ข้อสรุปอย่างไร แต่ศาลได้สั่งให้หน่วยงานต่างๆ ไปรวบรวมข้อมูลและทำรายการชี้แจงในเชิงเทคนิคแบบเป็นลายลักษณ์อักษร และส่งให้ศาลโดยเร็วที่สุด ขณะที่ในช่วงบ่าย มีการกล่าวถึงมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบในระหว่างการไต่สวน
ทั้งนี้ นางทศสิริ มั่นใจว่า ข้อมูลของตนเองจะมีน้ำหนัก เนื่องจากเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงและอยู่ในพื้นที่จริง แต่ยังกังวลกับสถานการณ์น้ำ เนื่องจากได้ข่าวว่า น้ำในพื้นที่นนทบุรีอาจจะแห้งสนิทช่วงต้นปีหน้า ซึ่งจะกระทบต่อความเป็นอยู่ของชาวบ้าน จึงอยากให้หน่วยงานของรัฐปล่อยให้น้ำไหลลงสู่ทะเลไปตามธรรมชาติ
Produced by VoiceTV |