วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ภาคีต่อต้านทุจริตจับตาหลังน้ำลด

ภาคีต่อต้านทุจริตจับตาหลังน้ำลด

ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น ประกาศเฝ้าระวังโครงการต่างๆของรัฐบาล โดยเฉพาะงบประมาณฟื้นฟูภายหลังน้ำท่วม  ที่สูงกว่า 8 แสนล้านบาท

 

ยืนยันแม้ไม่มีอำนาจตามกฎหมายแต่จะทำหน้าที่เปิดเผยความจริงให้ประชาชนได้รับทราบ  ขณะที่ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นไทยสะท้อนสถานการณ์ที่แย่ลง

 

หลังจากหลายพื้นที่ ระดับน้ำเริ่มลดลงจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ  นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น  เปิดเผยว่า หลังจากนี้  ทางกลุ่มจะเน้นบทบาท 3 ด้านในการเฝ้าระวังการทุจริตคอรัปชั่นทันที โดยจะส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และการประสานร่วมมือกับภาครัฐ 

โดยสิ่งที่จะเฝ้าระวังและติดตามเป็นพิเศษ   คือเรื่องการทุจริตซื้อถุงยังชีพ การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย และโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลด   ที่ตั้งงบประมาณไว้สูงถึง 8 แสนล้านบาท รวมไปถึงคดีปล้นบ้านอดีตปลัดกระทรวงคมนาคมอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ยังได้จัดโครงการ คลีน ไทยแลนด์ ดีไอวาย (Clean Thailand DIY)  ที่จะเปิดโครงการวันที่ 14 ธันวาคมนี้   เพื่อนำร่องให้ภาคเอกชน   ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นในช่วงวิกฤติน้ำท่วม   และร่วมหาแนวทางป้องกันที่เป็นรูปธรรม  โดยยอมรับว่าเป็นเรื่องยากลำบาก  เพราะทางกลุ่มไม่มีอำนาจตรวจสอบตามกฎหมาย

 

สอดคล้องกับนายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่กล่าวว่า แม้จะไม่มีอำนาจตรวจสอบตามกฎหมาย  แต่จะทำหน้าที่เฝ้าระวัง แสดงความคิดเห็น และเปิดเผยข้อมูลต่างๆให้ประชาชนได้รับทราบ เพื่อให้หน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายนำไปตรวจสอบต่อ หากหน่วยงานนั้น ๆ ไม่ดำเนินการ  ก็จะชี้ให้เห็นว่าหน่วยงานนั้น   ทำผิดกฏหมาย  ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 

 

ด้านมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลการสำรวจ ดัชนีความคิดเห็นต่อภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นไทย  ทั้งปัจจุบันและในอนาคต  พบว่า ไทยมีปัญหาทุจริตคอรัปชั่นมากขึ้น   โดยดัชนีปัจจุบันปรับตัวลดลงจาก 65.4 มาอยู่ที่ 64.4 ขณะที่ดัชนีในอนาคต  ปรับตัวลดลงจาก 93.9 มาอยู่ที่ 90.8 

ขณะที่ความคิดเห็นของประชาชนต่อปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น กว่าร้อยละ 60   ก็มีความคิดเห็นสอดคล้องกัน ว่าการแก้ปัญหาน้ำท่วมและการฟื้นฟู หลังน้ำลด จะเกิดการทุจริตคอรัปชั่น

 

Produced by VoiceTV