| ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งสื่อมวลชนต่างประเทศหลายสำนักก็เร่งเสนอข่าวประเทศไทยในแง่มุมต่างๆซึ่งส่วนใหญ่ก็ระบุว่า สังคมไทยเปลี่ยนไปแล้วและชาวชนบทก็ไม่ใช่คนที่ว่านอนสอนง่ายรอรับความช่วยจากนักการเมืองแต่เพียงฝ่ายเดียว เห็นในสังคมไทยอีกแล้วเมื่อทุกวันนี้ชาวบ้านมีการศึกษามากขึ้นพวกเขาไม่ใช่ฝ่ายรอรับการช่วยเหลือจากนักการเมืองส่วนกลางอีกต่อไปหากแต่กลายเป็นผู้เรียกร้องให้นักการเมืองทำตามสิ่งที่พวกเขาต้องการนายโทมัส ฟูลเลอร์ ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานว่าความขัดแย้งทางการเมืองตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมาประกอบกับการกระจายอำนาจการปกครองไปสู่ส่วนท้องถิ่นทำให้ชาวบ้านในชนบทตื่นตัวต่อการมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตยและไม่ยอมรับระบบอุปถัมภ์อีกต่อไป พวกเขาไม่ต้องการให้ชนชั้นปกครองตัดสินใจว่าใครจะขึ้นสู่อำนาจอีกต่อไป เพราะในครั้งนี้ พวกเขาจะตัดสินใจเพื่อกำหนดชะตากรรมทางการเมืองด้วยตัวเอง ด้านนายฟิลิป บาวริ่งผู้สื่อข่าวอีกคนของหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ มองว่าการเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ มีลักษณะแตกต่างจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ คือลักษณะนิสัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักประชานิยมซึ่งมองเห็นศักยภาพของชนชั้นรากหญ้า ส่วนอีกประการหนึ่งคือ ความเปลี่ยนแปลงของประชาชนในประเทศไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ และคนที่มีรายได้ต่ำที่มองว่าพวกเขาไม่ได้รับส่วนแบ่งทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองเท่าที่ควร และเริ่มเบื่อหน่ายกับสถาบันทางการเมืองแบบเก่าๆ ของไทย สิ่งเหล่านี้ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นทาง 2 แพร่ง นั่นคือ เลือกนายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ ซึ่งก็มีความสามารถแต่ขึ้นมาได้ด้วยการถือหางของกองทัพและกลุ่มชนชั้นปกครองโดยทางเลือกเช่นนี้ก็เสี่ยงกับการออกมาประท้วงบนท้องถนนของกลุ่มผู้สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณอีกครั้ง หรือไม่ก็เลือกการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งก็เสี่ยงต่อการเกิดรัฐประหารขึ้นอีกครั้ง นายบาวริ่งสรุปว่าไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร สิ่งที่แน่นอนก็คือ การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่สามารถไม่ได้แก้ปัญหาหรือทำให้ความตึงเครียดทางด้านเศรษฐกิจและสังคมลดน้อยลง นอกจากมุมมองเรื่องการเมืองภายในประเทศแล้วการเลือกตั้งครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงในระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเช่นกัน นายชอน แทนดอน ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ รวมถึงนายเคิร์ท แคมป์เบลล์ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯหวังว่าการเลือกตั้งในประเทศไทยจะผ่านไปด้วยดีและเป็นการกรุยทางสำหรับการปรองดอง โดยหลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว สหรัฐฯ ก็หวังให้ไทยดำเนินการทูตแบบปกติเสียทีแม้ว่าพรรคการเมืองทุกพรรคจะไม่มีนโยบายด้านการต่างประเทศที่ชัดเจนในการหาเสียง และหากเกิดการรัฐประหารขึ้นอีกครั้ง สหรัฐฯก็ควรวิพากษ์วิจารณ์ และตอบโต้รุนแรงขึ้นกว่าเดิม เพราะในขณะที่ประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตขึ้นเรื่อยๆความสำคัญของประเทศไทยในเชิงยุทธศาสตร์ก็ลดน้อยลง จนสหรัฐฯอาจไม่ต้องเกรงใจไทยเหมือนในอดีตอีกแล้ว Produced by Voice TV |