| แม้ว่าพม่าจะผ่านการเลือกตั้ง และมีรัฐบาลพลเรือนแล้วแต่สถานการณ์ในพม่ายังไม่ดีขึ้น ทำให้นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยชาวพม่ายังคงต้องต่อสู้ไป ผลจากการเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่ในพม่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2531 ทำให้ประชาชนกว่า 3,000 คนต้องสังเวยชีวิตอีกหลายพันคนกลายเป็นนักโทษการเมืองและแกนนำนักศึกษาที่เหลือต้องหนีออกนอกประเทศ นายโซอ่อ งรองเลขานุการคณะกรรมการการต่างประเทศ Forum for Democracy in Burma คือหนึ่งในแกนนำนักศึกษาเหล่านั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขายังคงมุ่งมั่นต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในพม่าอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับผู้ร่วมต่อสู้ในเหตุการณ์ 8888 คนอื่นๆ นายโซอ่องเล่าว่า ภายหลังเหตุการณ์ 8888 สิ้นสุดลง รัฐบาลตัดสินใจย้ายมหาวิทยาลัยต่างๆออกจากย่างกุ้ง เพื่อป้องกันการรวมตัวกันของนักศึกษา และจงใจไม่บรรจุเหตุการณ์สำคัญนี้ ไว้ในบทเรียนแต่ท่ามกลางเทคโนโลยีที่สมัยใหม่ ทำให้ประชาชนแต่ละกลุ่มสามารถติดต่อกันได้มากขึ้น แม้ต้องหลบซ่อนและพม่าจะมีรัฐบาลพลเรือนแล้วก็ตาม ในสายตาของนายโซอ่อง การแต่งตัวเป็นประชาธิปไตยของพม่า ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเพราะอำนาจส่วนใหญ่ยังคงอยู่กับสภาการป้องกันและความมั่นคงแห่งชาติที่สมาชิก 9 ใน 11 คนเป็นทหารซ้ำร้ายยิ่งทำให้การเรียกร้องประชาธิปไตยยากขึ้นไปอีก ส่วนนางอองซานซูจี แม้จะได้รับการปล่อยตัว และสามารถติดต่อกับหลายๆ กลุ่มได้อีกครั้งแต่การเคลื่อนไหวก็ยังทำได้ลำบากเพราะพรรคสันนิบาตเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติ หรือ NLD ของเธอเป็นพรรคนอกกฎหมาย เนื่องจากไม่ยอมลงเลือกตั้งในครั้งที่ผ่านมา สำหรับตอนนี้ สิ่งที่ทั้งนายโซอ่อง และนายโคโบจีเลขาธิการร่วมของสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองในพม่าเชื่อว่าจะช่วยเปลี่ยนแปลงพม่าได้คือการเรียกร้องให้สหประชาชาติจัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนมนุษยชนธรรมหรือที่เรียกว่า UN-led Commission of Inquiry ซึ่งน่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการออกมติจำนวนหลายฉบับที่ไม่มีผลบังคับทางกฎหมาย แบบที่เคยทำมาในอดีต นายโซอ่องยืนยันว่า ต่อจากนี้พวกเขา จะยังคงต้องสู้ต่อไป และจะใช้เทคโนโลยีมากขึ้นเพราะพวกเขาตระหนักดีว่าถ้าไม่สู้วันนี้ลูกหลานของพวกเขาก็ไม่สามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ Produced by Voice TV |