| นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม เรียกร้องให้ภาครัฐคำนึงถึงการมีส่วนรวมของชุมชนในการแก้ปัญหาลุ่มน้ำยมให้มากขึ้น
โดยตัวแทนชาวบ้านผู้ที่คัดค้านเขื่อนแก่งเสือเต้น เห็นควรให้มีการสร้างเขื่อนแต่ไม่ใช่เขื่อนขนาดใหญ่ ขณะที่ตัวแทนผู้สนับสนุนขอให้รัฐบาลเร่งผลักดัน พร้อมหาแนวทางแก้ปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดเสวนาในหัวข้อ เขื่อนแก่งเสือเต้นแก้ปัญหาวิกฤตน้ำได้จริงหรือ โดยนางสาวเรวดี โรจนกนันท์ อาจารย์ประจำคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การจัดการปัญหาในลุ่มแม่น้ำยมตอนนี้หลายหน่วยงานมักให้ความสนใจและคำนึงถึงผลกระทบประเมินค่าความเสียหายออกมาในรูปแบบของตัวเลขเพียงอย่างเดียว ขณะที่ในความเป็นจริงเรื่องของผลกระทบที่ไม่สามารถตีค่าออกมาเป็นตัวเลขหรือมูลค่าได้อย่างเรื่องของวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ เป็นสิ่งที่ยังไม่ได้มีการหยิบยกมาพูดถึง ดังนั้นการมีส่วนร่วม จึงเป็นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาและพัฒนาที่ยั่งยืน
ขณะที่นายเส็ง ขวัญยืน กำนันตำบลสะเอียบ จังหวัดแพร่ ผู้ที่คัดค้านการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นมากว่า 20 ปี เปิดเผยว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะส่งผลทำให้น้ำท่วมอย่างถาวรในพื้นที่ของตำบลบ้านสะเอียบซึ่งกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ที่ประกอบอาชีพทำการเกษตร และยังทำให้วิถีชีวิตของชาวบ้านที่มีความผูกพันกับผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ต้องหายไป รัฐบาลจึงควรจะมีแผนการจัดการ ที่อาจจะสร้างเขื่อนขนาดกลางบนพื้นที่นี้มากกว่า
ขณะที่ตัวแทนผู้ที่สนับสนุนการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ให้เหตุผลว่า การสร้างเขื่อนจะช่วยลดปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งที่ไม่สามารถทำการเกษตรได้ ที่ผ่านมาลุ่มแม่น้ำยมไม่เคยมีเครื่องมือที่ช่วยในการจัดการน้ำได้เลย ทั้งนี้ส่วนตัวอยากให้มีการสร้างเขื่อนแต่ถ้าเกิดผลกระทบมากมายตามมา รัฐบาลก็อาจจะต้องหาแนวทางใดก็ได้เพื่อมาแก้ปัญหาและผลักดันให้โครงการเกิดขึ้นได้จริงๆ
สำหรับแนวทางในการจัดการน้ำนอกจากการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นแล้ว ยังมีการพูดถึงแนวทางในการสร้างเขื่อนลุ่มแม่น้ำยมตอนบนและตอนล่าง ซึ่งจากการวิจัยพบว่า การสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นสามารถที่จะช่วยกักเก็บปริมาณน้ำได้มากกว่าแต่ก็สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและพื้นที่ป่ามากเช่นกัน
Prioduced by VoiceTV |