วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2555

สภาฯ เริ่มถกงบปี 55 ปธ.สภาคาดลงมติ 6 ม.ค.นี้

สภาฯ เริ่มถกงบปี 55 ปธ.สภาคาดลงมติ 6 ม.ค.นี้

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญนิติบัญญัติเป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 คาดว่าจะสามารถพิจารณาวาระ 2 และ 3 ให้แล้วเสร็จได้ตามกำหนดเวลาในจำนวน 3 วัน กล่าวคือจะลงมติวาระ 3 ได้ภายในวันศุกร์ ที่ 6 ม.ค. นี้

 

นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา กล่าวว่าการประชุมสภาในวันนี้ จะประชุมในเรื่องของงบประมาณเท่านั้น โดยเป็นการพิจารณาในวาระที่ 2-3 ซึ่งตนจะควบคุมการประชุมโดยยึดข้อบังคับการประชุมเป็นหลัก และคาดว่าจะสามารถพิจารณาวาระ 2 และ 3 ให้แล้วเสร็จได้ตามกำหนดเวลาในจำนวน 3 วัน กล่าวคือจะลงมติวาระ 3 ได้ภายในวันศุกร์ ที่ 6 ม.ค. นี้

 

"การประชุมวันนี้จะไม่มีเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หากมีฝ่ายค้าน หยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมา ก็จะใช้กฎข้อบังคับในการประชุมสภา" ประธานรัฐสภา กล่าว

 

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณปี 2555 รายงานต่อที่ประชุมว่า งบประมาณที่สภาผู้แทนราษฎรรับหลักการไปวงเงิน 2.38 ล้านล้านบาท คณะกรรมาธิการได้พิจารณาปรับลดในหลายส่วน โดยพิจารณาจากการใช้งบประมาณปีที่ผ่านมา เพื่อลดความซ้ำซ้อน ขณะที่มีการปรับเพิ่มหลายส่วน อาทิ หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว การกีฬา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 10000 ล้านบาท หน่วยงานของรัฐสภา และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญอีก 847 ล้านบาท


หลังจากนั้นจึงเข้าสู่ของการแปรญัตติของ ส.ส.ฝ่ายค้านหรือกรรมาธิการเสียงข้างน้อย เพื่อขอลดงบประมาณภาพรวมลงร้อยละ 2 โดย นางสาวผ่องศรี ธาราภูมิ ส.ส.ลพบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า งบประมาณจำนวนมากยังมีความซ้ำซ้อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็น งบประมาณด้านความมั่นคงแห่งรัฐเพื่อปกป้องสถาบันจำนวน 11200 ล้านบาท งบประมาณด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และงบจัดหาแท็บเล็ตพีซีของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เห็นว่ายังไม่ใช่นโยบายเร่งด่วนที่ต้องทำในปีนี้

 

สอดคล้องกับการแปรญัตติของ นายแพทย์สุกิจ อัตโถปกรณ์ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ที่มองว่า หากยังไม่มีการปรับลดงบประมาณด้านการปราบปรามยาเสพติดที่ซ้ำซ้อนกันในหลายกระทรวง จะทำให้รัฐบาลต้องกู้เงินเพิ่มขึ้นกว่า 4 แสนล้านบาทโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ ในส่วนของงบลงทุนนั้น ปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 6 หมื่นล้านบาท ทั้งที่เหลือเวลาเบิกจ่ายงบประมาณเพียง 8 เดือน จึงเห็นควรให้ตัดลดงบในส่วนนี้ด้วย

 


ทั้งนี้ ก่อนที่การประชุมจะเริ่มต้นขึ้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ระบุว่า ส่วนตัวเป็นห่วงการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาล เพราะบางกระทรวงยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องใช้เงิน จึงเสนอให้นำเงินไปใช้ในการฟื้นฟูเยียวยาประชาชน และผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแทน ส่วนการกู้เงินจากต่างประเทศนั้น ขอให้พิจารณาตามเหตุผล ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ไม่เห็นด้วยกับการโอนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินให้กับธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะท้ายที่สุดจะเป็นการผลักภาระให้ประชาชน

 

Produced by VoiceTV