หลังจากมีข่าวว่าเฟซบุ๊กจะเข้าตลาดหลักทรัพย์และเปิดขายหุ้นมูลค่านับหมื่นล้านดอลลาร์ ล่าสุด เฟซบุ๊กออกมาเปิดเผยแล้วว่า จะเปิดขายหุ้นล็อตแรกเพียง 5 พันล้านดอลลาร์ก่อน บริษัทเฟซบุ๊กได้ยื่นเอกสารต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ เพื่อขออนุมัติการเปิดขายหุ้นสามัญให้แก่สาธารณชนหรือ IPO เป็นครั้งแรก มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่ามากที่สุดในหมู่บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจากซิลิคอนวัลเลย์ การเปิดขายหุ้นของเฟซบุ๊กล็อตแรก มูลค่า 5 พันล้าน หากได้รับการอนุมัติก็จะเปิดขายหุ้นได้ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยเฟซบุ๊กมอบหมายให้วาณิชธนกิจชื่อดัง 5 แห่งเป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้น IPO เช่น มอร์แกน สแตนเลย์ โกลด์แมน แซกส์ และเจพี มอร์แกน หากมีกระแสตอบรับจากนักลงทุนอยู่ในระดับดี เฟซบุ๊กก็จะเปิดขายหุ้นล็อตต่อไป ด้านนายเดวิด เคิร์กแพตทริก ผู้เขียนหนังสือ "The Facebook Effect" กล่าวว่า เขาไม่รู้สึกแปลกใจที่เฟซบุ๊กจะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพราะที่ผ่านมา มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กปฏิเสธการขายบริษัทให้ยาฮู (Yahoo!) ไมโครซอฟ และอีกหลายบริษัทยักษ์ใหญ่ เพื่อรักษาความเป็นอิสระของบริษัทเอาไว้ ด้วยการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ขณะนี้ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กถือหุ้นของบริษัทอยู่ที่ร้อยละ 28.4 และในปี 2554 เฟซบุ๊กมีผลประกอบการสูงถึง 3,700 ล้านดอลลาร์ ส่วนผลกำไรอยู่ที่ 1 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ถึงร้อยละ 65 ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์กันว่า มูลค่าของบริษัทเฟซบุ๊กจะพุ่งสูงขึ้นถึง 1 แสนล้านดอลลาร์หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนล้านภายในไม่กี่ปี ปัจจุบัน เฟซบุ๊กเปิดให้บริการมาแล้ว 8 ปี และมีบัญชีผู้ใช้บริการทั่วโลกกว่า 845 ล้านบัญชี แม้ว่าเฟซบุ๊กจะถูกบล็อกในประเทศจีนก็ตาม แต่หากเฟซบุ๊กสามารถเปิดตลาดในจีนได้สำเร็จก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มฐานผู้ใช้บริการอีกหลายร้อยล้านคน และมีผลต่อมูลค่าของบริษัทในอนาคตอีกด้วย Produced by VoiceTV |