วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

Back Story : "วรเจตน์" ถูกชก "ธรรมศาสตร์" ถูกทำร้าย

Back Story : "วรเจตน์" ถูกชก "ธรรมศาสตร์" ถูกทำร้าย

ภาพของอาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ที่ถูกสองคนร้าย บุกทำร้าย กลางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยยังไม่ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง ซึ่งเรื่องแบบนี้เคยเกิดมาแล้วหลายครั้งในอดีต

 

เหตุการณ์ที่นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และแกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ ถูก 2 คนร้าย บุกชกหน้า กลางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์นั้น แม้จะเป็นการมุ่งทำร้ายส่วนบุคคลแต่สิ่งที่สะท้อนออกมากลับพบว่า การเสนอแนวความคิดที่แตกต่างออกไปจากสังคมกลับไม่ถูกตอบโต้ด้วยเหตุและผล แต่ถูกเลือกวิธีการใช้กำลังเข้าจัดการ




ในอดีตเมื่อ 36 ปีก่อน กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เสนอแนวคิดที่แตกต่างจากผู้มีอำนาจ ก็ถูกมองว่าเป็นสิ่งแปลกแยก และถูกการใช้กำลังเข้าแก้ไขปัญหา มาถึงวันนี้การใช้กำลังแก้ปัญหาก็ยังไม่หมดไป




ย้อนไปเมื่อ 36 ปี ปรากฏการณ์การใช้กำลังเข้าจัดการปัญหาการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างของกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เป็นรอยด่างครั้งสำคัญบนหน้าประวัติศาสตร์ไทย เหตุการณ์ครั้งนั้น เกิดจากความขัดแย้งทางความคิด ที่กลุ่มนักศึกษาได้ต่อต้านความเป็นเผด็จการในการปกครอง รวมถึงการกลับเข้าประเทศของ สามเณรถนอม หรือ จอมพลถนอม กิตติขจร ที่ไปบรรพชาเป็นสามเณรแล้วพยายามกลับเข้ามาเมืองไทยอีกครั้ง การแสดงพลังครั้งนั้นแนวร่วมของนักศึกษาขยายวงอย่างรวดเร็ว จนทำให้ผู้มีอำนาจเลือกใช้วิธีป้ายสีด้วยข้อหา คอมมิวนิสต์ และการมุ่งร้ายต่อสถาบัน



กลุ่มที่พยายามบงการเกมการเมืองในขณะนั้น เลือกกลวิธีการใช้กำลังเข้าจัดการปัญหาหลากหลายรูปแบบ รวมทั้งการปลุกระดมมวลชนให้เกลียดชังกลุ่มนักศึกษา กระทั่งบีบให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย และในที่สุดเป้าหมายของการเปลี่ยนแปลงก็สำเร็จได้ด้วยการลงมือเข่นฆ่านักศึกษาที่ล้วนเป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารมีการใช้อาวุธตั้งแต่เครื่องยิงระเบิดปืนต่อสู้รถถัง ปืนเอ็ม 79 ปืนเอ็ม 16 ปืนเอช.เค. และปืนคาร์บิน ตำรวจบางคนมีระเบิดมือห้อยอยู่ครบเต็มอัตราศึก ครั้งนั้นเสียงปืนดังรุนแรงตลอดเวลา จากเหตุการณ์นั้นได้บีบให้นักศึกษาบางส่วน เลือกเข้าป่าจับอาวุธเพื่อตอบโต้กับการที่ถูกกระทำ จนนำความรุนแรงและสูญเสียตามมา



แม้วันนี้การทำร้าย อาจารย์วรเจตน์ จะมองว่าเป็นแค่พฤติกรรมทำร้ายร่างกายเพราะความไม่ชอบ แต่ต้องบอกว่า หากมีใครอยู่เบื้องหลัง แล้วพยายามจะขยายพฤติกรรมสร้างความแตกแยก ยุยง ให้คนไทยเกลียดกันเอง ถือว่ากลุ่มคนที่คิดแบบนั้น กำลังพุ่งเป้าทำร้ายสังคมให้บอบช้ำมากยิ่งขึ้น

 

ประติมานุสรณ์ 6 ตุลา ที่หน้าหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คงจะเป็นสิ่งที่สื่อให้เห็นถึงความพยายามปิดกั้นทางความคิด ในการพัฒนาประชาธิปไตย จึงหวังว่าการที่มีคนร้ายบุกชกหน้าอาจารย์วรเวตน์ คงไม่ใช่ความคิดที่จะจุดไฟแห่งความแตกแยกอีกครั้ง เพราะหากเป็นเช่นนั้น กงล้อประวัติศาสตร์อาจหมุนวนกลับมายังที่เดิมอีกแน่นอน

 



ปกรณ์ รัตนทรัพย์ศิริ วอยซ์ทีวี รายงาน