ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้การรับรองมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งล่าสุด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศ หรือบริษัทเอกชนที่ยังคงซื้อน้ำมันจากอิหร่าน เพื่อเป็นการกดดันอิหร่านให้ยุติโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศรับรองมาตรการคว่ำบาตรต่อผู้ซื้อน้ำมันจากอิหร่าน ซึ่งมาตรการล่าสุดนี้ จะส่งผลให้ ธนาคารต่างชาติที่ยังคงทำธุรกรรมทางการเงินกับรัฐบาลอิหร่านถูกคว่ำบาตรด้วย เช่นกัน โดยนักวิเคราะห์มองว่า การที่สหรัฐฯดำเนินนโยบายเช่นนี้ เท่ากับเป็นการแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวมากยิ่งขึ้น เพราะเท่ากับว่า ต่อไปนี้ บริษัทต่างชาติ หรือรัฐบาลของประเทศใดก็ตาม ที่ซื้อน้ำมันโดยผ่านการทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารกลางของอิหร่าน อาจถูกคว่ำบาตรจากนโยบายดังกล่าวทันที โดยเบื้องต้นหลายฝ่ายคาดการณ์ ว่า สหรัฐฯจะมีข้อยกเว้นกับประเทศญี่ปุ่น จีน และอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เนื่องจาก 3 ประเทศนี้ ยังคงต้องพึ่งพาการใช้น้ำมันจากอิหร่านอยู่ นอกจากนี้ นายโอบามายังยืนยันว่า มาตรการดังกล่าว จะไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณความต้องการน้ำมันในตลาดโลก เพราะปัจจุบัน ปริมาณน้ำมันที่ใช้กันอยู่ในแต่ละวันมีความเพียงพอ แต่ทางสหรัฐฯจะจับตาดูสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายน้ำมันในตลาดโลก ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นมา หลายประเทศทั่วโลก เริ่มลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ตามคำร้องขอของสหรัฐฯ โดยจะเห็นได้ชัดว่า ประเทศเหล่านี้ เริ่มหันไปซื้อน้ำมันจากผู้ผลิตรายอื่น ซึ่งล่าสุด ตุรกีก็เป็นอีกหนึ่งประเทศ ที่ประกาศว่า จะลดการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านลงร้อยละ 20 ตามนโยบายคว่ำบาตรของสหรัฐฯ การ คว่ำบาตรดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่อิหร่าน ไม่ยอมยุติโครงการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม ซึ่งชาติตะวันตกทั้งหลายกังวลว่า การทดลองดังกล่าว เป็นการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่ทางการอิหร่านยืนยันว่า โครงการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ เป็นโครงการเพื่อสันติ ไม่ได้มีจุดประสงค์ร้ายแต่อย่างใด Produced by VoiceTV |