การกำจัดศัตรูทางการเมืองแบบรัสเซีย
| การกำจัดศัตรูทางการเมืองถือเป็นแนวทางที่นักการเมืองรัสเซีย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เลือกใช้เพื่อคงอำนาจของตนไว้ให้ยาวนานที่สุด
การเมืองรัสเซีย โดยเฉพาะในระดับผู้นำ ค่อนข้างขึ้นชื่อในเรื่องการกำจัดศัตรูทางการเมือง นับตั้งแต่สมัยการปฏิวัติล้มล้างระบอบกษัตริย์ในปี 2460 วลาดิเมีย เลนิน ผู้นำการปฏิวัติและสมาชิกระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ได้สั่งให้สำเร็จโทษซาร์นิโคลัสที่ 2 สมาชิกราชวงศ์โรมานอฟ และเหล่าขุนนางคนสำคัญของระบอบเก่า เพื่อตัดบุคคลเหล่านี้ออกจากวงจรอำนาจของรัสเซียอย่างถาวร
หลังจากเลนิน ถึงแก่อสัญกรรมในปี 2467 ทำให้ตำแหน่งประธานาธิบดีของสหภาพโซเวียตว่างลง ขณะนั้น ผู้นำที่โดดเด่นในพรรคคอมมิวนิสต์มีเพียง 2 คน คือโจเซฟ สตาลิน ซึ่งดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สหภาพโซเวียตมาตั้งแต่ปี 2465 และลีออน ทรอตสกี สมาชิกคนสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์ แต่เกมแย่งชิงอำนาจครั้งนี้ ทรอตสกีเป็นผู้พ่ายแพ้ และถูกปลดออกจากตำแหน่งทางการเมือง หลังจากนั้นก็ถูกเนรเทศไปอยู่ที่เม็กซิโก สุดท้ายชีวิตของทรอตสกีจบลงด้วยการถูกลอบสังหารตามคำสั่งของสตาลิน
เมื่อสตาลินถึงแก่อสัญกรรมในปี 2496 ผู้นำพรรคที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำสูงสุดได้ คือ นิกิตา ครุสชอฟ ซึ่งเปลี่ยนนโยบายให้ต่างจากสมัยสตาลินอย่างสุดขั้ว และเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับระบอบใหม่ เขาออกมาประกาศความโหดร้าย พร้อมกับประณามสตาลิน รวมทั้งทุบทำลายรูปปั้นสตาลิน ลบชื่อของสตาลินออกจากเพลงชาติ และขุดศพของสตาลินออกจากสุสานไปฝังไว้ใกล้กำแพงพระราชวังเครมลิน
หลังจากรัสเซียเข้าสู่สมัยประชาธิปไตย การกำจัดคู่แข่งทางการเมืองที่เด่นชัดและได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด คงหนีไม่พ้นกรณีที่มิคาอิล โคดอร์คอฟสกี ถูกดำเนินคดีเพื่อเป็นการกีดกัดเขาออกจากวงจรอำนาจของรัสเซีย
บรรดานักวิเคราะห์เชื่อกันว่า วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้ครองอำนาจในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 2 ของรัสเซียมาตั้งแต่ปี 2543 เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการฟ้องร้องโคดอร์คอฟสกี มหาเศรษฐีในวงการธุรกิจน้ำมัน ซึ่งนิตยสารฟอร์บส์จัดอันดับให้เขาเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในรัสเซีย เนื่องจากเขาออกมาวิพากษ์วิจารณ์ระบอบประชาธิปไตยแบบรัสเซีย ที่ให้อำนาจกับกองทัพและเจ้าหน้าที่ของรัฐค่อนข้างมาก
ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2546 ระหว่างการเข้าพบหารือกับผู้นำรัฐบาลที่พระราชวังได้รับการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ เขาหักหน้าปูติน ด้วยการตั้งคำถามเกี่ยวกับการทุจริตของรัฐบาล ซึ่งนับว่าเป็นการท้าทายอำนาจและทำลายความน่าเชื่อถือของปูตินเป็นอย่างมาก
ต่อมา ในเดือนตุลาคม ปีเดียวกัน โคดอร์คอฟสกีถูกจับกุมในข้อหาฉ้อโกงและหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งอัยการอ้างว่าเขาทำให้รัฐสูญเสียรายได้กว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ศาลตัดสินให้เขาต้องโทษจำคุกนาน 8 ปี จากนั้นในปี 2553 ซึ่งใกล้ครบกำหนดพ้นโทษ ศาลรัสเซียพิพากษาจำคุกเขาเพิ่มอีก 7 ปี จากข้อหายักยอกน้ำมัน 273 ล้านตัน และฟอกเงินเป็นมูลค่าเกือบ 5 แสนล้านบาท
บทเรียนจากอดีตเรื่องการกำจัดคู่แข่งทางการเมืองถือเป็นสิ่งที่นักการเมืองรัสเซียต้องพึงระมัดระวังเป็นอย่างมาก สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่มิคาอิล โปรโครอฟ มหาเศรษฐีอันดับ 3 ของรัสเซีย ลงสมัครในการเลือกตั้งประธานาธิบดี เขาอาจเป็นศัตรูของผู้นำรัสเซียที่จะต้องถูกกำจัดเป็นรายต่อไป แต่หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าเขาไม่น่าจะถูกกำจัด เพราะโปรโครอฟเป็นเพียงนักการเมืองที่ลงสมัครเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับปูตินเท่านั้น
Produced by voiceTV |