เตรียมดึงแผนเซฟตี้โซนกลับมาใช้ในยะลา
เหตุคาร์บอม 3 จุดในเวลาไล่เลี่ยกัน กลางเมืองยะลา ทำให้เทศบาลนครยะลา เตรียมเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดขึ้นและอาจนำแผนเซฟตี้ โซนกลับมาใช้ ขณะที่นายกรัฐมนตรี กำชับหน่วยงานด้านความมั่นคงเข้าดูแลสถานการณ์อย่างเร่งด่วน
พันเอกปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า หรือกอ.รมน. กล่าวถึงเหตุระเบิด 3 จุด ที่ จังหวัดยะลา และอีก 1 จุด ที่ จังหวัดปัตตานี ว่า ในภาพรวม ประเมินว่าการก่อเหตุน่าจะมาจากคนร้ายกลุ่มเดียวกัน เพราะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน และเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน
ซึ่งสถานการณ์ที่ จังหวัดยะลา นั้น เจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมสถานการณ์และกันประชาชนออกจากพื้นที่แล้ว โดยตำรวจกำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิด และภาพผู้ก่อเหตุ ซึ่งมีรายงานว่า พบรถของผู้ต้องสงสัยแล้ว
ขณะที่นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งกำชับหน่วยงานด้านความมั่นคง เข้าดูแลความปลอดภัยในพื้นที่อย่างเร่งด่วนแล้ว แต่ยังไม่สรุปว่าเป็นการกระทำโดยกลุ่มบุคคลใด
ขณะที่นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา เปิดเผยว่าจากการประเมินด้วยสายตา คาดว่า ความเสียหายในครั้งนี้ จะไม่ต่ำกว่า 50 ล้าบาท เพราะแรงระเบิดทำลายและสร้างความเสียหายทั้งอาคารและรถยนต์
และขณะนี้ เทศบาล กำลังเร่งดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากแรงระเบิดและอาคารบ้านเรือนถูกไฟไหม้ ซึ่งเบื้องต้นส่วนใหญ่จะมีบ้านหลังที่ 2 หรือไปพักกับบ้านญาติ และในวันพรุ่งนี้ จะมีการตั้งโต๊ะรับแจ้งความ และให้การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทันที ส่วนแผนการรักษาความปลอดภัยหลังจากนี้ คาดว่าจะนำแผนเซฟตี้ โซนกลับมาใช้
เหตุระเบิด 3 จุดใจกลางเมืองยะลานี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 10 ราย และบาดเจ็บกว่า 70 คน โดยจุดแรกเกิดเวลาประมาณ 12.00 น. บริเวณ สี่แยกถนนรวมมิตร ตัดกับ ถนนจงรักษ์ โดยตำรวจระบุว่า คนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่อง บรรจุในถังแก๊ส น้ำหนักประมาณ 30 กิโลกรัมซุกซ่อนในรถยนต์อีซูซุ ดีแมกส์ สีบรอนส์ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน และนำรถยนต์ไปจอดไว้บริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมจุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร
แรงระเบิดทำให้อาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ชื่อตึกจงรักษ์สแควร์ ทั้งสองข้างถนน ได้รับความเสียหาย โดยชั้นล่างเสียหายทั้งหมด และบางส่วนของชั้น 2 ทรุดตัวลงมา นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์และรถบัส สีเขียวของทหารที่จอดอยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหายด้วย
และระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสถานที่เกิดเหตุแรก ก็เกิดเหตุระเบิดอีกครั้งหน้าร้านสะดวกซื้อ และจากการตรวจสอบ พบว่า คนร้ายใช้วิธีการเดียวกันในการก่อเหตุ
ซึ่งครั้งนี้ อาคารพาณิชย์ รถยนต์ ได้รับความเสียหายมากกว่าเดิม รวมทั้งประชาชนบริเวณใกล้เคียง ได้รับบาดเจ็บมากกว่าจุดแรก เพราะเนื่องจากประชาชนและเจ้าหน้าที่ กำลังเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากจุดแรก
Produced by VoiceTV |