วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2555

ศูนย์ฝนหลวงเร่งแก้ปัญหาต้นตอไฟป่า

ศูนย์ฝนหลวงเร่งแก้ปัญหาต้นตอไฟป่า

สภาพปัญหาฝุ่นควันไฟ จากไฟป่าที่ลุกลามทั่วภาคเหนือยังคงขยายวงอย่างต่อเนื่องล่าสุดกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องสวมผ้าปิดจมูกเดินเที่ยวในเชียงใหม่กันแล้ว

 

นายบรรพต คันธเสน ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.)เชียงใหม่ เปิดเผยว่าเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมาได้เกิดเหตุไฟป่าครั้งใหญ่ขึ้นในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยรวม3 ครั้ง  ได้เผาผลาญผืนป่ากินเนื้อที่รวมประมาณ 50ไร่ ทางเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดเชียงใหม่และหน่วยงานใกล้เคียง กว่า100 นายได้ระดมกำลังดับไฟรวมถึงเฮลิคอปเตอร์จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ขึ้นบินเพื่อช่วยดำเนินการจึงสามารถดับไฟป่าที่โหมกระหน่ำได้สำเร็จ


นายบรรพต กล่าวว่าในขณะเดียวกันก็ยังเกิดจุดความร้อน หรือ Hotspot ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ รวม 7 จุดคือ อ.ไชยปราการ 3 จุด จอมทอง 2 จุด แม่แจ่มและฮอด อย่างละ 1 จุดโดยปริมาณค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน หรือ PM10 ที่สถานนีตรวจวัดศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ 151.92 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร เชียงราย258.63 ลำปาง 247.21 ลำพูน 127.58 แม่ฮ่องสอน 236.38 พะเยา 200.08 แพร่ 196.75 และน่าน 149.75 ซึ่งถือว่าเกินมาตราฐานทุกจังหวัด จึงอยากรณรงค์ให้ประชาชนช่วยดูแลงดการเผาทุกชนิดและอยากวอนให้ประชาชนและทุกหน่วยงานออกมาช่วยกันรถน้ำบริเวณรอบบ้านตัวเองเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับสภาวะอากาศเพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันให้คลี่คลายโดยเร็ว


ด้านนายทรง กลิ่นประทุม ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อคลี่คลายสถานการณ์หมอกควันว่าเจ้าหน้าที่ยังคงวิเคราะห์สถานการณ์ทุกเช้าเพื่อขึ้นปฏิบัติการโปรยสารฝนหลวงสูตรเย็นในช่วงบ่ายของทุกวันแต่เนื่องจากความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศมีน้อยไม่เพียงพอต่อการทำให้เกิดฝนจึงมีการปรับเปลี่ยนการทำงานเป็นการทำเม็ดละอองน้ำใช้สารฝนหลวงสูตรเย็นกับน้ำไปโปรยบริเวณต้นลมเพื่อลดหมอกควันในเขตตัวเมืองเชียงใหม่โดยในวันนี้เราจะถือโอกาสเริ่มทำเทคนิคหลุมดำ ซึ่งเป็นเทคนิคตามแนวพระราชทานคือจะใช้ผงยูเรียและน้ำแข็งแห้งเป็นสารที่ใช้ในการโปรยลงมา โดยมั่นใจว่าภายใน 1-2 วันนี้ปฏิบัติการฝนหลวงจะสำเร็จและเกิดฝนตกในพื้นที่ภาคเหนือเพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวันนี้


ส่วนเว็ปไซต์มติชนออนไลน์ได้เผยแพร่ภาพในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ที่พบว่ายังคงมีการจุดไฟเผาแผ้วถางพื้นที่ทางการเกษตรในเขต ตำบลแม่แรม และตำบลโป่งแยงซึ่งส่วนใหญ่เป็นตอซังข้าวโพดและนาข้าวกลางหุบเขาอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายเพื่อเตรียมแปลงเพาะปลูกใหม่ที่จะมาถึงในไม่ช้านี้ โดยไม่สนใจคำร้องขอจากทางจ.เชียงใหม่ และเท่ากับเพิกเฉยต่อผลกระทบมลพิษหมอกควันที่ส่งผลต่อสุขภาพของตนเองและผู้อื่นเนื่องจากการเผาเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและมีต้นทุนต่ำ
ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติบางรายพบว่าได้เริ่มใส่หน้ากากอนามัยปิดจมูกและปาก ระหว่างเดินบนถนนคนเดินวันอาทิตย์บริเวณข่วงท่าแพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่เพื่อป้องกันหมอกควันฝุ่นละอองที่เกินมาตรฐานเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจแล้ว ทั้งนี้ในตัวเมืองเชียงใหม่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันเต็มเมืองแล้ว

 

Produced by Voice TV