วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2554

นักวิชาการไทยศึกษาทั่วโลก ร้องนายกฯ ทบทวน กม.หมิ่น

นักวิชาการไทยศึกษาทั่วโลก ร้องนายกฯ ทบทวน กม.หมิ่น

112 นักวิชาการด้านไทยศึกษาจากสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย ลงนามในจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ ร้องทบทวนการใช้ กม.หมิ่นฯ–พ.ร.บ.คอม

 
 
นักวิชาการด้านไทยศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ใน สหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย จำนวน 112 คน ลงนามในจดหมายเปิดผนึกถึงยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ด้านสิทธิและเสรีภาพที่ถูกจำกัดในสังคมไทย โดยเฉพาะการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่มีอัตราการสั่งฟ้องเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณในรอบห้าปีที่ผ่านมา
 
ในจดหมายเปิดผนึกดังกล่าว ที่มีนักวิชาการระดับโลก เช่น โนม โชมสกี้ จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเมสเสทชูเสตต์ ประเทศสหรัฐฯ ร่วมลงนาม ระบุว่า การใช้มาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา และพ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่งนำไปสู่การจับกุมคุมขังประชาชน เป็นภัยคุกคามต่ออนาคตของประชาธิปไตยไทย กลุ่มนักวิชาการ 112 คน จึงเรียกร้องให้รัฐบาลไทย ทบทวนการใช้กฎหมายดังกล่าว เพื่อไม่ให้นำไปสู่การละเมิดสิทธิทางการเมือง
 
นอกจากนี้ ยังเสนอแนะให้ รัฐบาลพิจารณากรณีการจับกุมและการดำเนินคดีด้วยกฎหมายดังกล่าวอย่างละเอียด พร้อมทั้งให้สิทธิการประกันตัวแก่ผู้ต้องหา เพื่อให้สามารถต่อสู้คดีได้อย่างเป็นธรรม
 
 
 
จดหมายเปิดผนึก
 
ทำเนียบรัฐบาล
ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต
กรุงเทพฯ 10300
ประเทศไทย
 
วันที่ 23 สิงหาคม 2554
 
 
กราบเรียน นายกรัฐมนตรี
 
ด้วยนักวิชาการนานาชาติในวงการไทยศึกษา มีความกังวลต่อการจำกัดพื้นที่อิสระสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเทศไทยนับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา รวมถึงประเด็นปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทั้งในกรณีนักโทษการเมืองและเรื่องที่รัฐบาลยังไม่แสดงความรับผิดชอบต่อความรุนแรงที่เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
 
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ช่วงเมษายน-พฤษภาคม 2553 พวกเราได้เห็นสิทธิเสรีภาพสำคัญหลายประการได้ถูกลิดรอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจับกุมและการดำเนินคดีต่าง ๆ หลายคดีภายใต้การบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
 
พวกเรายินดีที่ทราบว่า นายกรัฐมนตรีได้ยอมรับว่ามีการละเมิดอย่างรุนแรงหลายประการที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม พวกเราขอกราบเรียนให้ทราบว่า แม้ว่าคดีสำคัญหลาย ๆ คดีจะเป็นที่เปิดเผยโดยทั่วไปผ่านการรายงานของสื่อมวลชน แต่ยังมีอีกหลายคดีที่เสมือนว่ารัฐบาลและสื่อมวลชนยังคงปล่อยให้เงียบหายไป ในคดีเหล่านี้ มีหลายคนที่ถูกคุมขังก่อนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา และมีอีกหลายรายที่ถูกกล่าวหาแล้วแต่ถูกศาลปฏิเสธให้ได้รับการประกันตัวในระหว่างที่รอดำเนินการในชั้นศาล
 
ทั้งนี้ ข้อมูลสถิติจากสำนักงานอัยการสูงสุดของปีที่แล้วแสดงให้เห็นว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 มีการฟ้องร้องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ในขณะที่ตัวเลขจากสำนักงานศาลยุติธรรมชี้ให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นที่สูงกว่านั้นหลายเท่าตัว
 
ดังนั้น พวกเราจึงกังวลอย่างยิ่งที่ยังคงเห็นการดำเนินการในคดีการเมืองอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น กรณีที่นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ถูกคุมขัง 84 วันก่อนที่อัยการจะตัดสินใจสั่งฟ้อง ทั้งนี้ นายสมยศฯ ไม่ได้ถูกดำเนินคดีอันเนื่องมาจากสิ่งที่เขาพูดหรือกระทำด้วยตนเอง แต่มาจากข้อเขียนของผู้อื่นที่อยู่ในวารสารที่เขาเป็นบรรณาธิการ ซึ่งไม่ต่างไปจากคดีของนางสาวจีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการ หนังสือพิมพ์ประชาไทออนไลน์
 
ในกรณีของ นาย Joe Gordon ที่เป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกา เขาก็ถูกคุมขัง 84 วันก่อนที่อัยการจะตัดสินส่งฟ้องเช่นเดียวกัน อีกทั้งศาลอาญายังปฏิเสธให้ประกันตัวนายสมยศ และนาย Joe Gordon ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในการนี้แถลงการณ์ของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เมื่อไม่นานมานี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจและความเป็นห่วงต่อคดีในลักษณะดังกล่าวจากนานาประเทศได้เป็นอย่างดี
 
พวกเราพิจารณาเห็นว่า การคุมขังและข่มขู่ประชาชนถือเป็นสัญญาณอันเลวร้ายที่ก่อให้เกิดการกระทำการต่าง ๆ มากมายที่คุกคามสิทธิมนุษยชนและกระทบต่ออนาคตของประชาธิปไตยในประเทศไทย จึงขอกราบเรียนให้นายกรัฐมนตรี พิจารณาดำเนินการในประเด็นที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่
 
(1) ดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดในกรณีการจับกุมและการดำเนินคดีภายใต้มาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 รวมทั้งบทบัญญัติอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
 
(2) ริเริ่มขั้นตอนที่จะนำไปสู่การอนุญาตให้ประกันตัวผู้ที่ถูกคุมขังภายใต้มาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 เพื่อให้เขาเหล่านั้นสามารถเตรียมตัวสู้คดีได้อย่างเป็นธรรมในชั้นศาล
 
(3) พิจารณาทบทวนประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 รวมทั้งบทบัญญัติที่เกี่ยวข้อง และวางกลไกเพื่อป้องกันการนำบทบัญญัติทางกฎหมายต่าง ๆ เหล่านี้ ไปใช้เพื่อละเมิดสิทธิเสรีภาพทางการเมือง
 
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
 
ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
 
Source : prachatai

"อภิสิทธิ์" ลงพื้นที่น้ำท่วม จ.สุโขทัยวันนี้ (2 ก.ย. 54)

"อภิสิทธิ์" ลงพื้นที่น้ำท่วม จ.สุโขทัยวันนี้ (2 ก.ย. 54)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เตรียมออกเดินทางไปเยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดสุโขทัยวันนี้ (2 ก.ย. 54)

 

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมออกเดินทางไปเยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมมอบถุงยังชีพให้ชาวบ้านในจังหวัดสุโขทัย เนื่องจากสถานการณ์ของภาคเหนือตอนล่างยังหนักอยู่มากจากระดับน้ำในแม่น้ำยม และแม่น้ำน่านยังมีปริมาณน้ำสูง

 

Source : News Center / thannews  / AFP (Image)

ออสเตรเลียยัน ส่งตัวจริงลงเตะกับไทย ฟุตบอลโลกโซนเอเชีย

ออสเตรเลียยัน ส่งตัวจริงลงเตะกับไทย ฟุตบอลโลกโซนเอเชีย

กุนซือทีมชาติออสเตรเลีย ยืนยันจะใช้ชุดที่ดีที่สุดลงดวล กับทีมชาติไทย ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชียในเย็นวันนี้ (2 ก.ย. 54)


โฮลเกอร์ โอเซียก กุนซือชาวเยอรมัน ของทีมชาติออสเตรเลีย เผยกับสื่อของออสเตรเลียก่อนเกมคัดฟุตบอลโลกโซนเอเชียที่ออสเตรเลีย จะเปิดบ้านต้อนรับ ทีมชาติไทย เย็นวันนี้ (2 ก.ย. 54)เวลา 17.00น. ตามเวลาประเทศไทย 


โดย โอเซียก กล่าวยืนยันว่า จะส่งนักเตะชุดที่สุดที่สุดลงสนาม จะไม่มีการทดลองส่งนักเตะ หรือทดลองรูปเกมใดๆ 
ส่วนรายของ แฮร์รี่ คีเวลล์ ตัวรุกคนดัง ก็อาจจะได้สตาร์ทลงเป็น11 ผู้เล่นก็มีความเป็นไปได้ แม้ว่า คีเวลล์ จะมีอายุมากเเล้วก็ตาม โอเซียก บอกว่า คีเวลล์ คือนักเตะชั้นยอดและอันตรายทุกฝีเท้าในเวลาที่เขาอยู่บริเวณกรอบเขตโทษของฝ่ายตรงข้าม แต่ทั้งนี้ต้องรอดูอีกครั้ง 


ส่วนรายของ แบร็ต โฮลล์มันน์ แม้ว่าจะมีอาการบาดเจ็บ แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่น่าจะมีปัญหาในเกมที่จะถึงในวันนี้ โดย โอเซียก ยังกล่าวอีกว่า แม้ว่าทีมชาติไทยจะมีปัญหาเรื่องนักเตะตัวหลักบาดเจ็บหลายราย แต่เราก็จะไม่ประมาททีมชาติไทยเป็นอันขาด 
 

โดยเกมการแข่งขันจะเริ่มในเวลา 17.00น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่ง สทท.11 จะทำการถ่ายทอดสด

 

Source : News Center / INN / AFP (Image)

Facebook เตรียมเปิดให้บริการเพลงออนไลน์ 22กย.นี้

Facebook เตรียมเปิดให้บริการเพลงออนไลน์ 22กย.นี้

เฟซบุ๊ก เตรียมเปิดตัวบริการเพลงออนไลน์ตัวใหม่ใน วันที่ 22 ก.ย. นี้ โดยเป็นการร่วมมือกับเว็บไซต์บริการเพลงอื่นๆ

 

เฟซบุ๊กวางแผนเปิดตัวบริการเพลงออนไลน์ตัวใหม่ ในงานประชุม เอฟ 8 ของบริษัท ในวันที่ 22 ก.ย.นี้ แต่บริการตัวนี้ เฟซบุ๊ก ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการเพลงโดยตรง แต่จะจับมือกับผู้ผลิตรายอื่นอย่าง สปอติฟาย ดอทคอม เว็บไซต์ผู้ให้บริการ เพลงสตรีมมิ่ง (เล่นเพลงผ่านอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องดาว์โหลดจากสวีเดน)

 

โดยแหล่งข่าวของฟอร์บส์ ยืนยันว่า เมื่อบริการตัวใหม่นี้เปิดตัวออกมา ผู้ใช้บริการเฟซบุ๊ก จะเห็นไอคอน สัญลักษณ์ของเว็บไซต์ สปอติฟาย อยู่ทางฝั่งซ้าย ในส่วนของ แฟ๊บวอริทส์ บนหน้าเว็บไซต์เฟซบุ๊ก


อย่างไรก็ดี ยังไม่มีคำยืนยันในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการจากทั้งทาง สปอติฟาย และ ทางเฟซบุ๊ก ขณะที่ ตัวแทนของ สปอติฟาย อ้างว่า ไม่รู้เรื่องข้อตกลงในครั้งนี้เลยทั้งนี้ แหล่งข่าวของสำนักข่าวอื่นๆ แย้มว่าอาจมีเว็บไซต์บริการเพลงอื่นๆอย่าง MOG และ Rdio รวมอยู่ในข้อตกลงด้วย ขณะที่ค่ายอื่นๆอาจเข้าร่วมในภายหลัง

 

Source : News Center / INN / AFP (Image)

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

ย้ายผบ.ตร.เพื่อได้คนที่เหมาะกับงาน ?

ย้ายผบ.ตร.เพื่อได้คนที่เหมาะกับงาน ?

อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 2 คน แสดงความเห็นใจต่อการโยกย้ายผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบัน โดยระบุว่า นี่เป็นวิบากกรรมของการรับราชการไทย

 

ขณะที่รองนายกรัฐมนตรี ระบุ การย้ายครั้งนี้ ต้องการได้คนที่เหมาะกับงาน แต่หากแก้ปัญหาไม่ได้ ก็ต้องมีการโยกย้ายอีก

 

หลังเกิดกระแสการโยกย้ายผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตั้งแต่ต้นสัปดาห์  ในที่สุดพลตำรวจเอกวิเชียร  พจน์โพธิ์ศรี  ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ก็ทำหนังสือแจ้งความยินยอมสมัครใจไปนั่งตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ต่อนายกรัฐมนตรี  เพราะได้รับสัญญาณจากร้อยตำรวจเอกเฉลิม  อยู่บำรุง  รองนายกรัฐมนตรี  เรื่องการโยกย้ายและจากการสัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน ว่ามีการเสนอชื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่  โดยจะคัดเลือกจากรองผู้บัญชาการทั้ง 3 คน คือ พลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์    พลตำรวจเอกปานศิริ  ประภาวัต และ พลตำรวจเอกภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา โดยนายกรัฐมนตรีไฟเขียวให้ร้อยตำรวจเอกเฉลิม ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลงานในสายนี้เป็นผู้ตัดสินใจ

 

การตัดสินใจขอย้ายตัวเองของพลตำรวจเอกวิเชียร  ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในหลายแง่มุม   โดยอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 2 คนทั้งพลตำรวจเอกสันต์ ศรุตานนท์ และพลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ   ระบุว่า ฝ่ายการเมืองเล่นแรงกับ พล.ต.อ.วิเชียร    อยากขอให้คำนึงถึงเกียรติยศของตำรวจ  หากจะมีการโยกย้าย  ขอให้ทำอย่างเงียบๆ ไม่ใช่การให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน  เพราะเหมือนเป็นการซ้ำเติมให้เจ็บช้ำน้ำใจ   อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทั้ง 2 คนย้ำว่า  สิ่งที่เกิดกับ พล.ต.อ.วิเชียร เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทุกยุคทุกสมัย ถือเป็นวิบากกรรมปกติของการรับราชการ 


ในขณะที่นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติระบุว่าเขายังไม่ทราบเรื่องนี้ พร้อมระบุว่า ที่ผ่านมาทำงานอย่างเต็มความสามารถแล้ว ถ้าการสั่งย้ายเขาให้เข้าประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เกิดจากสาเหตุว่าในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมา เขาไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. เขาก็เคยชี้แจงประเด็นนี้แล้วว่า การทำงานในตำแหน่งดังกล่าว เป็นไปตามพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หากไม่ปฏิบัติตามก็จะถูกดำเนินการฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่อีก  อย่างไรก็ตามนายถวิล ยืนยันว่า ในวันพรุ่งนี้ เขาจะไปทำหน้าที่ตามปกติ คือการประชุมแผนบริหาราชการแผ่นดิน ด้านความมั่นคง  


ในขณะที่ร้อยตำรวจเอกเฉลิม  จะมอบหมายให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่รักษาการแทนตำแหน่งผู้บัญชาการ ระหว่างการเสนอเรื่องให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาในวันจันทร์ที่ 5 กันยายนนี้  พร้อมระบุว่าพิจารณา พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จากความเหมาะสมกับงาน เชื่อมั่นว่า จะสามารถแก้ไขปัญหาบ่อนพนันได้  ไม่ใช่การแต่งตั้งเพื่อเอาใจครอบครัวชินวัตร  เพราะหากผบ.ตร.คนใหม่ แก้ปัญหาบ่อนการพนันไม่ได้  ก็ต้องมีการโยกย้ายกันอีก

 

Produced by VoiceTV

Your Voice : สอนเลี้ยงลูกให้มีวัฒนธรรม โดยก.วัฒนธรรม

Your Voice : สอนเลี้ยงลูกให้มีวัฒนธรรม โดยก.วัฒนธรรม

ในช่วง 2 - 3 วันที่ผ่านมา ในโลกสังคมออนไลน์ มีการวิพากษ์วิจารณ์บทความเรื่องหนึ่งที่ชื่อว่า " เลี้ยงลูกอย่างไรให้มีวัฒนธรรม " ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม

 

เนื่องจากบทความนี้แนะนำให้ผู้ปกครองเลี้ยงดูบุตรหลานในช่วงวัยต่าง ๆ ด้วยการสอดแทรกวัฒนธรรมไทย เช่นการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าลายดอก  การเล่นดนตรีไทย  และการติดตามชมศิลปการแสดงไทยอย่างต่อเนื่องเพื่อปลูกฝังวัฒนธรรมไทยตั้งแต่เด็ก   ช่วงยัวร์วอยซ์วันนี้ เราจึงนำบทความนี้ไปสอบถามความคิดเห็นของแฟนเพจวอยซ์ทีวี

 

Produced by VoiceTV 

รัฐสภาไทยสอบตกในสายตาประชาชน

รัฐสภาไทยสอบตกในสายตาประชาชน

สถาบันพระปกเกล้า เปิดผลประเมินการทำงานของรัฐสภา โดยพบว่ารัฐสภาได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเพียง 5.99 จากคะแนนเต็ม 10 

 

วันนี้ (1ก.ย.54) สถาบันพระปกเกล้า เปิดผลประเมินการทำงานของรัฐสภา  ซึ่งเป็นครั้งแรกที่การทำงานของรัฐสถา  ถูกชี้วัดประสิทธิภาพตามเกณฑ์สหภาพรัฐสภา ที่ใช้วัดการทำงานของรัฐสภา 154 ประเทศทั่วโลก  โดยพบว่ารัฐสภาได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเพียง 5.99 จากคะแนนเต็ม 10 

 

ภาพลักษณ์การทำงานของรัฐสภาที่ผ่านมา หลายต่อหลายครั้งมีภาพติดลบ จากปัญหาความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมือง โดยเฉพาะการปะทะกันทั้งคำพูดและอารมณ์ของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน จนทำให้ประชาชนจำนวนมากอดตั้งคำถามกับคนที่พวกเขาเลือกให้ทำหน้าที่ผู้แทนไม่ได้ว่าจะสามารถทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้ประชาชนได้มากน้อยเท่าใด


จากผลวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าที่ประเมินผลการดำเนินงานของรัฐสภาไทย จากกลุ่มตัวอย่างประชาชน 5,130 คนทั่วประเทศ ปรากฏว่ารัฐสภาได้คะแนนความไว้วางใจ 5.99 ผ่านกึ่งกลางมาแบบเฉียดฉิว จากคะแนนเต็ม 10   


โดยการประเมินผลงานของรัฐสภาใช้เกณฑ์ 6 ด้าน ได้แก่ การเป็นตัวแทนของประชาชน การตรวจสอบฝ่ายบริหาร การทำหน้าที่นิติบัญญัติ ความโปร่งใสและการเข้าถึงได้ของประชาชน ความสำนึกรับผิดชอบ และการมีส่วนร่วมในนโยบายระหว่างประเทศ  ซึ่งเป็นเกณฑ์ของสหภาพรัฐสภา ที่ไทยเป็นสมาชิกพร้อมกับประเทศต่าง ๆ 154 ประเทศ


ทั้งนี้จากผลการวิจัยพบว่ารัฐสภาได้คะแนนมากที่สุดในด้านการทำหน้าที่นิติบัญญัติและการตรวจสอบฝ่ายบริหาร โดยได้คะแนน 2.8 จาก 5 คะแนน ขณะที่ด้านสำนึกรับผิดชอบได้คะแนนต่ำสุด เพียง 2.3 คะแนน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่ถึงครึ่ง


เมื่อเปรียบเทียบความไว้วางใจในตัว ส.ว. และ ส.ส. พบว่าประชาชนในทุกภาคมีความไว้วางใจในตัว ส.ส. มากกว่า ส.ว. ยกเว้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจากการสำรวจความเชื่อมั่นในภาพรวมของรัฐสภาพบว่าประชาชนร้อยละ63 เชื่อมั่นและค่อนข้างเชื่อมั่นต่อการทำงานของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี


อย่างไรก็ตามการทำงานของรัฐสภายังมีส่วนที่ต้องปรับปรุงอยู่มาก โดยภาคประชาชนต้องการให้พรรคการเมืองมีนโยบายที่ชัดเจนในการคัดเลือกผู้สมัครที่มีคุณสมบัติในการเป็น ส.ส. และให้ ส.ส.มีความหลากหลายจากการเป็นตัวแทนบุคคลหลายกลุ่ม พร้อมเสนอให้มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ ส.ส.และ ส.ว.


ทั้งนี้ประชาชนกว่าครึ่ง  เห็นว่าก่อนและหลังการเลือกตั้ง ส.ส.มีพฤติกรรมที่แตกต่างกันมากและพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงตัว ส.ส.ได้ พร้อมเรียกร้องให้ ส.ส. ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงของประชาชนมากกว่านี้ และให้เผยแพร่ข้อมูลเรื่องการพิจารณาร่างกฎหมายของรัฐสภาเพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม โดยหลังจากนี้คณะผู้จัดทำวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าจะนำรายงานเสนอต่อประธานรัฐสภา เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติงานจริงของรัฐสภาต่อไป 

 

Produced by VoiceTV