| เมื่อวานนี้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราว ห้ามขนถ่ายถ่านหินที่บรรทุกทางเรือผ่านแม่น้ำท่าจีน
หลังจากชาวบ้านในจังหวัดสมุทรสาครร้องเรียนว่า พบการลักลอบขนย้ายถ่านหิน และเป็นต้นเหตุให้แม่น้ำท่าจีนเน่าเสีย วันนี้วอยซ์ทีวีส่งทีมข่าวลงพื้นที่เข้าสำรวจท่าเรือขนย้ายถ่านหินทั้ง 5 แห่ง ว่ามีการลักลอบอยู่หรือไม่
นายสนธิญา สวัสดี ตัวแทนชาวบ้านตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ชี้ให้ดูสภาพแม่น้ำท่าจีน ซึ่งเคยเป็นแหล่งอาศัย และอนุบาลปลากระบอก แต่ปัจจุบันไม่มีปลากระบอกอาศัยอยู่เลย เนื่องจากมลภาวะทางน้ำ อันเป็นผลกระทบจากการขนส่งถ่านหินของ 5โรงงานในจังหวัดสมุทรสาคร และทำให้นายสนธิญา ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางในแผนกคดีสิ่งแวดล้อมอีกครั้ง หลังจากศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับการประกอบกิจการถ่านหินในพื้นที่ ต.ท่าทราย เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2554 แต่วันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลปกครองกลางมีคำสั่งห้ามขนถ่ายถ่านหินบรรทุกเรือผ่านแม่น้ำท่าจีนจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
คำสั่งศาลครั้งนี้ ครอบคลุมพื้นที่การขนย้ายถ่านหิน 5 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท อ่างทอง นครปฐม สุพรรณบุรี และสมุทรสาคร รวมระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์การขนส่งถ่านหินจากประเทศอินโดนีเซีย เข้าสู่ปากอ่าวไทยและล่องผ่านแม่น้ำสู่จังหวัดต่างๆ ทำให้ผู้ประกอบกิจการถ่านหินทั้งหมดต้องยุติกิจการทันที หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีการลักลอบขนย้าย ทีมข่าวจึงได้นั่งเรือยางออกสำรวจท่าเรือรุ่งเจริญผล เสริมผลิตภัณฑ์ เซ็นจูรี่ และโรงงานถ่านหินที่มีลานเก็บกอง เช่น เทคนิคทีมไทยแลนด์ และยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส แต่ไม่พบการขนถ่ายหิน มีเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลอยู่
สำหรับมาตรการเฝ้าระวังครั้งนี้ เป็นการทำงานแบบมีส่วนร่วมระหว่างภาคประชาชน และเจ้าหน้าที่กรมท่าเรือ โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำการบนเรือตรวจการ 24 ชั่วโมง แล่นเรือตรวจสอบ2ฝั่งแม่น้ำจากปากอ่าวแม่น้ำท่าจีนถึงสะพานถนนบุรีปากท่อทุกวัน โดยมีจุดประจำการที่ปากแม่น้ำท่าจีน วัดบางหญ้าแพรก จุดศูนย์กลางของแม่น้ำท่าจีน ที่สามารถสังเกตเรือขนส่งสินค้าทุกลำได้
Produced by VoiceTV |