ชี้แจงข้อกังวลบ่อปิโตรเลียมทุ่งกุลาฯ

อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน มั่นใจบริษัทที่รับสัมปทานมีความเชี่ยวชาญด้านนี้มากกว่า 107 ปี และในพื้นที่ภาคอีสานเคยขุดเจาะบ่อปิโตรเลียมในเชิงพาณิชย์สำเร็จมาแล้ว 2 แห่ง   เกิดข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับข้อดีข้อเสีย ของการเจาะสำรวจปิโตรเลียมในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ทั้งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ซึ่งอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน แสดงความมั่นใจว่า บริษัทที่รับสัมปทานมีความเชี่ยวชาญด้านนี้มากกว่า 107 ปี และในพื้นที่ภาคอีสานเคยขุดเจาะบ่อปิโตรเลียมในเชิงพาณิชย์สำเร็จมาแล้ว 2 แห่ง   นายทองแดง จันทะขาล ชาวชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ พาทีมข่าววอยซ์ทีวี เข้าไปดูพื้นที่ที่จะใช้สำรวจปิโตรเลียม ซึ่งอยู่ในที่ดิน 3 ไร่ของเขา และที่ดินของชาวบ้านรายอื่นๆ อีก 7ไร่ โดยมีท่อพีวีซีสีฟ้ากั้นอาณาเขตทั้งสี่มุม นายทองแดง ซื้อที่ดินแปลงนี้เมื่อ 2ปีก่อน เพื่อใช้เป็นที่นาปลูกข้าว จนเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2554 พนักงานของ "ซ่านซี เหยียนฉาง ปิโตรเลี่ยม (กรุ๊ป)" บริษัทน้ำมันสัญชาติจีน เข้ามาขอเช่าที่ดินในราคาไร่ละ 14,000 บาท/ปี/ไร่ นาน 1ปี เพื่อสำรวจปิโตรเลียม และหากจะขายที่ดินแปลงนี้ บริษัทจะรับซื้อในราคาไม่เกินไร่ละ 3 แสนบาท ช่วงแรกนายทองแดง รู้สึกดีใจ เพราะน่าจะช่วยให้บ้านเกิดมีความเจริญขึ้น แต่ต่อมากลับเปลี่ยนเป็นความกังวล   ขณะที่ผู้ใหญ่บ้าน ม.15 บ้านโคกกลาง อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ กังวลกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตที่อาจจะเปลี่ยนแปลงเช่นกัน เนื่องจากยังไม่ได้รับข้อมูลที่ชัดเจนจากผู้เชี่ยวชาญ   อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติย้ำว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน นั่นหมายความว่าประมาณเดือนมิถุนายนนี้ จึงจะทราบผลการพิจารณาจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ สผ. ว่าสามารถเจาะสำรวจในพื้นที่นี้ได้หรือไม่ จึงเป็นไปไม่ได้  ที่จะมีการนำแท่นขุดเจาะขนาดใหญ่ เข้าไปในพื้นที่ในช่วงนี้ตามที่ชาวบ้านบอกเล่า   Produced by Voice TV

URL: http://news.voicetv.co.th/thailand/29755.html