Daily Thai News: 2011

วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ยอดเสียชีวิตจาก "พายุวาชิ" พุ่งเกือบ 500 ราย

ทางการฟิลิปปินส์ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยทางตอนใต้ของประเทศ หลังจากที่พายุไต้ฝุ่นวาชิพัดเข้าถล่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุด เพิ่มสูงขึ้นเกือบ 500 รายแล้ว

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า หน่วยกาชาดของฟิลิปปินส์รายงานยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุพายุไต้ฝุ่นวาชิพัดถล่มว่า ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 447 ราย โดยส่วนใหญ่เสียชีวิตเพราะจมน้ำ ขณะที่ ทางการฟิลิปปินส์คาดการณ์ว่า ยังมีประชาชนที่สูญหายอีกกว่า 400 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการค้นหาต่อไป

เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า เมืองคากายัน เด โอโร และ อิลิแกน ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศเสียหายหนักที่สุด โดยหมู่บ้านหลายแห่งถูกน้ำพัดไปจนไม่เหลือซาก โดยเจ้าหน้าที่สามารถเดินทางเข้าไปให้ความช่วยเหลือได้แล้ว ซึ่งหน่วยกาชาดได้นำผ้าห่ม และสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นไปมอบให้แก่ประชาชนกว่า10,000 ครัวเรือนที่ได้รับความเดือดร้อน

ทั้งนี้ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นของฟิลิปปินส์ ได้เกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลันในหลายเมืองใหญ่ทางภาคใต้ของประเทศ หลังจากที่มีฝนตกหนักต่อเนื่องนานกว่า 10 ชั่วโมง ทำให้น้ำในแม่น้ำหลายสายเอ่อล้นตลิ่ง และเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน โดยก่อนหน้านี้ ทางการฟิลิปปินส์ ได้ประกาศเตือนภัยให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง อพยพออกจากพื้นที่ แต่ก็มีประชาชนบางส่วนที่ยืนยันว่าจะอยู่ที่บ้านของตนเอง ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตมีจำนวนมาก

ทางด้านของทางการฟิลิปปินส์ก็ประกาศรับอาสาสมัครเพื่อร่วมกันช่วยแพ็คสิ่งของที่จำเป็นส่งไปยังพื้นที่ประสบภัย ขณะเดียวกัน นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯก็แถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียในครั้งนี้ พร้อมย้ำว่า สหรัฐฯพร้อมให้ความช่วยเหลือแก่ทางการฟิลิปปินส์ในทุกๆด้าน

Produced by VoiceTV

เรือขนผู้อพยพตะวันออกกลางล่มบริเวณเกาะชวา

เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังเร่งค้นหาผู้รอดชีวิต หลังเรือที่ลักลอบบรรทุกผู้อพยพเพื่อไปยังประเทศออสเตรเลีย เกิดล่มในบริเวณเกาะชวาของอินโดนีเซีย ส่งผลให้มีผู้สูญหายจำนวนมาก

เรือสินค้าที่คาดว่าจะลักลอบนำผู้อพยพชาวอิหร่าน ตุรกี และอัฟกานิสถานไปยังประเทศออสเตรเลีย เกิดอุบัติเหตุล่มในบริเวณเกาะชวาของอินโดนีเซีย ห่างจากชายฝั่งประมาณ 90 กิโลเมตร ส่งผลให้มีผู้สูญหายอย่างน้อย 250 ราย ในขณะที่รายงานจากสื่อบางฉบับคาดว่ามีผู้ที่โดยสารในเรือถึงเกือบ 400 ราย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้การว่าเรือดังกล่าวบรรทุกเกินขนาดถึง 2 เท่า

ในขณะนี้ มีผู้รอดชีวิตจากเหตุเรือล่มดังกล่าวแล้ว 76 คน จากการช่วยเหลือของเรือประมงท้องถิ่น โดยหนึ่งในผู้รอดชีวิตให้การว่า เรือเผชิญกับคลื่นสูงจนโคลงไปมาอย่างรุนแรง ทำให้ผู้โดยสารจำนวนมากหวาดกลัวและเกิดการชุลมุนขึ้นจนทำให้เรือเสียสมดุลและล่มในที่สุด ทั้งนี้ เขายังกล่าวอีกว่าในเรือมีเด็กอยู่ถึงประมาณ 40 คน

ในแต่ละปี มีผู้ลี้ภัยจำนวนมาก โดยเฉพาะจากตะวันออกกลาง พยายามอพยพเข้าประเทศออสเตรเลียอย่างผิดกฎหมายผ่านทางทะเล โดยส่วนใหญ่จ่ายเงินจำนวนนับพันดอลล่าร์สหรัฐ หรือกว่า 30,000 บาท เพื่อโดยสารมากับเรือขนสินค้าเถื่อนจากอินโดนีเซีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรือเก่า และขนสินค้าเกินขนาด ทำให้ไม่มีความปลอดภัยในการเดินทาง
โดยในรอบปีที่ผ่านมา เหตุเรือล่มลักษณะนี้ได้เกิดขึ้นแล้วหลายครั้ง

ทั้งนี้ รัฐบาลออสเตรเลียได้พยายามออกมาตรการหลายประการเพื่อป้องกันการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายของผู้อพยพเหล่านี้ แต่ยังคงไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

Produced by VoiceTV

ขบวนการ Occupy Wall Street ชุมนุมครบ 3 เดือน

กลุ่มผู้ชุมนุมอ๊อกคิวพาย วอลล์สตรีท (Occupy Wall Street) หลายร้อยคน รวมตัวกันเพื่อฉลองการชุมนุมต่อต้านระบบทุนนิยมที่ดำเนินมาเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว

การเคลื่อนไหวเรียกร้องความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจในสังคมอเมริกัน ในนามกลุ่มอ๊อคคิวพาย วอลล์สตรีท ซึ่งดำเนินมาอย่างต่อเนื่องและครบรอบ 3 เดือนแล้ว นอกจากจะเป็นการแสดงพลังของกลุ่มผู้ประท้วงนายทุนการเงินแล้ว ยังเป็นการแสดงถึงพลังของขบวนการรากหญ้าในสหรัฐฯ ที่ไม่ยอมแพ้ แม้จะถูกตำรวจเข้าปราบปรามและไล่ออกนอกพื้นที่ หลายต่อหลายครั้ง

แกนนำการชุมนุมกล่าวว่า หลังจากที่พวกเขาถูกไล่ออกจากฐานที่มั่นการชุมนุมเดิมในสวนซักคอตติ ในวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้พวกเขาต้องหาพื้นที่ชุมนุมแห่งใหม่ ซึ่งกำลังที่จะย้ายไปที่จตุรัสดอร์ต ซึ่งเป็นสถานที่ของโบสถ์ทรินิตี้ วอลล์สตรีท และได้รับความยินยอมจากโบสถ์ให้ใช้จตุรัสดังกล่าวแล้ว

นายอีดานิส โรดิเกวส สมาชิกสภานครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ชุมนุมประท้วงอ๊อกคิวพายวอลล์สตรีท กล่าวว่า การชุมนุมประท้วงที่ดำเนินมากว่า 3 เดือน ได้แสดงให้เห็นถึงข้อเรียกร้องของคนชั้นกลางและกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมในสังคม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าถึงความแตกต่างระหว่างคนรวยที่มีแค่ร้อยละ 1 กับคนจนที่ถูกเอาเปรียบอีกร้อยละ 99

การเคลื่อนไหวของกลุ่มอ๊อกคิวพายวอลล์สตรีท เริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน ที่สวนซัคคอตติ ได้สร้างกระแสการชุมนุมประท้วงระบบทุนนิยมและนายทุนที่เอาเปรียบคนในสังคม ขณะนี้ยังไม่มีท่าทีที่จะหยุดชุมนุมแม้ว่าจะถูกปราบปรามหลายครั้งแล้ว

Produced by VoiceTV

แบลตเตอร์ยืนยันเร่งกู้ภาพลักษณ์ฟีฟ่า

สปอร์ตอัพเดท ประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2554

- ทีมสหรัฐฯชนะคะแนนรวมทีมยุโรป ว่ายน้ำ Dual of the Pool

- แบลตเตอร์ยืนยันเร่งกู้ภาพลักษณ์ฟีฟ่า

Produced by VoiceTV

พัทลุงน้ำท่วมซ้ำอีกรอบ

เกิดเหตุน้ำท่วมซ้ำที่จังหวัดพัทลุงอีกรอบ โดยขณะนี้ น้ำท่วมขยายวงกว้างเป็น 5 อำเภอแล้ว โดยตำบลปรางหมู่ และเขาเจียกในอำเภอเมือง ได้รับผลกระทบหนักกว่าพื้นที่อื่น

พื้นที่ 5 อำเภอในจังหวัดพัทลุง คืออำเภอเมือง อำเภอบางบางแก้ว อำเภอเขาชัยสน อำเภอควนขนุนและอำเภอกงหรา กลายเป็นพื้นที่ถูกน้ำท่วมซ้ำ หลังจากเกิดฝนตกหนักอีกระลอก

โดยขณะนี้ หลายพื้นที่มีระดับน้ำท่วมสูง เช่นตำบลปรางหมู่ หมู่ที่ 5 น้ำจากลำคลองบ้านคลองภู่ เอ่อล้นเข้าท่วมชุมชนบ้านโคกโพธิ์ ที่มีบ้านเรือนประชาชน 80 หลังคาเรือน โดยระดับน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร

ส่วนบนถนนทางเข้าหมู่บ้านระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 40 ถึง 50 เซนติเมตร มีเพียงรถกะบะยกสูงเท่านั้น ยังสัญจรได้ แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากมีกระแสน้ำไหลแรง

ส่วนพื้นที่ตำบลเขาเจียก หมู่ที่ 10 ประชาชนในหมู่บ้านปั้นทิพย์ 9 ประมาณ 70 ครัวเรือน ถูกตัดขาดจากพื้นที่ใกล้เคียง เนื่องถนนหน้าหมู่บ้าน มีน้ำท่วมท่วมสูงประมาณ 1 เมตร 20 เซนติเมตร รถยนต์ไม่สามารถวิ่งเข้าออกได้ ประชาชนภายในหมู่บ้าน จึงร้องขอเรือท้องแบน หรือรถยนต์ขนาดใหญ่ จากหน่วยงานรัฐเข้าช่วยเหลือ

ขณะที่ภาพรวมปัญหาอุทกภัยในจังหวัดพัทลุงนั้น มีผู้ประสบภัยน้ำท่วมแล้วกว่า 5,600 ครัวเรือน ใน 5 อำเภอ ส่วนพื้นที่การเกษตรก็ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้างเช่นกัน โดยนาข้าวถูกน้ำท่วมกว่า 13,000 ไร่ สวนยางพารา สวนปาร์ม และสวนผลไม้เสียหาย 6,000 ไร่

นายธนกร ตระบันพฤกษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดพัทลุงกล่าวว่า ในพื้นที่อำเภอเมือง ตำบลปรางหมู่ ตำบลเขาเจียก และตำบลพญาขัน มีระดับน้ำท่วมสูงกว่าพื้นที่อื่น ๆ เนื่องจากเป็นพื้นที่รองรับน้ำ ที่ไหลมาจากหลายอำเภอด้านบน ส่วนความช่วยเหลือเบื้องต้น ทางภาครัฐส่งเรือท้องแบนเข้าไปประจำในหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้ว และประชาชนสามารถร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง ได้ทางหมายเลขโทรศัพท์ 074 - 611652 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Produced by VoiceTV

สื่อนอก เผย 'บริทนีย์ สเปียรส์' หมั้นแล้ว

เจ้าหญิงแห่งวงการเพลงป๊อบ บริทนีย์ สเปียรส์ หมั้นแล้ว ระหว่างไปฉลองวันเกิดอายุครบ 40 ปี ของฝ่ายชาย

เป็นเรื่องทอล์คออฟเดอะทาวน์กันเลยทีเดียว เมื่อนิตยสารข่าวชื่อดัง อย่าง US Weekly ของประเทศสหรัฐอเมริกา ออกมา เปิดเผยว่า เจ้าหญิงแห่งวงการเพลงป๊อบ บริทนีย์ สเปียรส์ ได้ถูกแฟนหนุ่มคนปัจจุบันและเป็นอดีตเอเจนซี่ของเธอนามว่า เจสัน ทราวิค ขอหมั้น ระหว่างที่ไปดินเนอร์ฉลองวันเกิดครบรอบ 40 ปีของแฟนหนุ่มในคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

และวันถัดมากลับพบข้อความใหม่ออกมาจากทวีตเตอร์ของ บริทนีย์ มีใจความว่า เธอดีใจสุดๆ ในที่สุดของขวัญที่รอคอยมานาน เจสัน ทราวิค ก็ได้มอบให้เธอแล้ว มันเป็นของขวัญชิ้นเดียวที่เธอรอคอยมานานที่สุดอีกด้วย และมันคือช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นและลุ้นระทึกที่สุด แต่ถึงอย่างไรก็ตามล่าสุดยังไม่มีโฆษกส่วนตัวของนักร้องสาวออกมาพูดแจงแถลงไขต่อสื่อมวลชนในเรื่องนี้แต่อย่างใด ทำให้ตอนนี้บรรดาคนในแวดวงบันเทิงต่างประเทศต่างจับจองข้อความในทวีตเตอร์ของสาวบริทนีย์

ทั้งนี้เจ้าหญิงแห่งวงการเพลงป๊อบ ได้คบหาดูใจกับ เจสัน ทราวิค มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่เธอกำลังเจอมรสุมแห่งชีวิต ทั้งเรื่องส่วนตัวและงาน โดยเฉพาะกรณีการเสียสิทธิในการดูแลลูกชายทั้ง 2 คนคือ ฌอน เพรสตัน และ เจย์เดน เจมส์ และยังถูกบังคับให้เข้าสถานบำบัดจิตใจหลังจากมีพฤติกรรมฉาวอีกด้วย

บริทนีย์ สเปียรส์ เคยแต่งงานกับ เควิน เฟดเดอร์ไลน์ และอยู่กินด้วยกันมานานถึง 2 ปี จึงมีลูกชายทั้ง 2 คน นอกจากนี้เธอยังเคยผ่านการแต่งงานแบบฉาบฉวยกับเพื่อนชายสมัยเด็กที่ชื่อ เจสัน อเล็กซานเดอร์ ระหว่างการเดินทางไป ลาส เวกัส เมื่อปี 2004 ก่อนที่จะประกาศแยกทางกันภายในเวลา 55 ชั่วโมง หรือประมาณ 2 วันกับอีก 6 ชั่วโมง

Produced by VoiceTV

ราคาบ้านปีหน้าเพิ่มขึ้น เหตุต้นทุนวัสดุแพง

บริษัทรับสร้างบ้านเล็งปรับราคาบ้านขึ้นอีกอย่างน้อยร้อยละ 5 ในปีหน้า โดยระบุว่าราคาต้นทุนวัสดุและ ค่าแรงสูงขึ้น นอกจากนี้ยังวิเคราะห์ว่าหลังเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ธุรกิจรับสร้างบ้าน-คอนโดมิเนียมจะสดใส ส่วนอยู่อาศัยแนวราบตลาดจะซบเซาถึง 2 ไตรมาส

นายศักดา โควิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรแยลเฮ้าส์ จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางราคาที่อยู่อาศัยของตลาดรับสร้างบ้านในปีหน้ามีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยร้อยละ 5 เนื่องจากราคาวัสดุก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งในปีหน้าบริษัทก็จะปรับขึ้นราคารับสร้างบ้านอย่างน้อยอีกร้อยละ 5 เช่นเดียวกัน โดยเป็นการปรับขึ้นตามต้นทุนวัสดุก่อสร้าง และค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มขึ้น

สำหรับแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าหลังจากเกิดภาวะน้ำท่วมครั้งใหญ่ในปีนี้ คาดว่าจะทำให้ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น และผู้บริโภคส่วนใหญ่น่าจะหันมาสร้างบ้านบนที่ดินของตนเองซึ่งจะทำให้บริษัทรับสร้างบ้านมีอัตราการขยายตัวที่ดีขึ้น ในขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบคาดว่าจะชะลอตัวอย่างน้อย 2 ไตรมาส เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ และเลือกโครงการที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมน้อยที่สุด

นายศักดา กล่าวด้วยว่าที่ผ่านมาไซส์งานก่อสร้างบ้านของบริษัทได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมประมาณ 30 แห่ง จากงานก่อสร้างบ้านที่มีอยู่ในมือกว่า 100 แห่ง ซึ่งน้ำท่วมถนนโดยรอบทำให้ไม่สามารถเข้าไปทำการก่อสร้างต่อได้ อาจทำให้การส่งมอบงานล่าช้าออกไป 2 เดือน แต่ไม่กระทบต่อสัญญาจ้างแต่อย่างใด เพราะบ้านหนึ่งหลังใช้เวลาในการก่อสร้าง 1 ปี

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้มียอดขาย 800 ล้านบาท และคาดว่าปลายปีจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 1,000ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายรายได้ในปีหน้าเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 10 จากยอดรายได้รวมในปีนี้

Produced by VoiceTV

ผลสำรวจความคิดเห็นเรื่องปรับครม.

ดุสิตโพลเผยประชาชนหนุนปรับคณะรัฐมนตรีในเดือนมกราคมปีหน้า พร้อมระบุว่ากระทรวงมหาดไทยควรปรับมากสุด และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รองลงมา

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หัวข้อ ความคาดหวังของประชาชนที่มีต่อการปรับคณะรัฐมนตรีรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 59.23 เห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่จะปรับคณะรัฐมนตรี เพราะยังไม่มีผลงานให้เห็นและยังขัดแย้งกันเอง โดยร้อยละ 44.91 เห็นว่า ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปรับ คือ กลางเดือนมกราคม

ทั้งนี้ร้อยละ 29.47 เห็นว่าควรรอให้ครบ 6 เดือนก่อน ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 42.59 เห็นว่าควรปรับบางตำแหน่งในกระทรวงที่มีปัญหา ขณะที่ร้อยละ 36.56 เห็นว่าควรปรับใหม่ทุกตำแหน่ง อย่างไรก็ตามประชาชนร้อยละ 29.23 เห็นว่า กระทรวงมหาดไทย คือกระทรวงที่สมควรปรับรัฐมนตรีมากที่สุด รองลงมาคือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยละ 20.12

ขณะที่ ผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี ของสำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ส่วนใหญ่ ร้อยละ 62.5 กลับเห็นว่ายังไม่เหมาะสมที่จะปรับคณะรัฐมนตรี เพราะเร็วเกินไป และเกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย ในขณะที่ร้อยละ 37.5 เห็นว่าเหมาะสมแล้ว เพราะรัฐมนตรีบางคนไม่มีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้การคาดการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในหมู่ประชาชนอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ร้อยละ 47.3 คาดว่าจะรุนแรงมากขึ้น ส่วนความกังวลต่อสถานการณ์ความรุนแรงในช่วงปีใหม่ พบว่าร้อยละ 52.9 มีความกังวลต่อสถานการณ์ ในขณะที่ร้อยละ 47.1 ไม่กังวล

สำหรับการคาดการณ์ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในโครงการต่างๆ ของรัฐบาลในอีก 6 เดือนข้างหน้า พบว่าร้อยละ 54.8 คาดว่าจะมากขึ้น ส่วนอีกร้อยละ 83.7 ระบุว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลควรประกาศทำสงครามคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ

Produced by VoiceTV

ก.พาณิชย์ ส่งจนท.ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหารับจำนำข้าว

กระทรวงพาณิชย์ เตรียมเสนอคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ออกเงื่อนไขไม่รับจำนำข้าวคุณภาพต่ำ หลังพบเกษตรกรนำมาเข้าร่วมโครงการ

นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการรับจำนำข้าว กล่าวว่าจากการที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพื้นที่ที่มีการรับจำนำข้าวพบว่า ขณะนี้มีปัญหาข้าวที่เกษตรกรนำมาเข้าโครงการรับจำนำข้าวเป็นข้าวคุณภาพต่ำหรือข้าวตกเกรด ซึ่งข้าวดังกล่าวแม้ว่าเป็นพันธุ์ข้าวที่อยู่ในเงื่อนไขของการรับจำนำข้าว แต่มีข้าวพันธุ์อื่นเข้ามาปน และเมล็ดพันธุ์ข้าวลีบ เป็นต้น

ทำให้เจ้าหน้าที่ที่รับจำนำไม่สามารถจัดเกรดข้าวเหล่านี้ได้ จนต้องแยกการรับจำนำต่างหากในราคาที่ต่ำกว่าราคารับจำนำทั่วไป ซึ่งในเรื่องนี้ได้มอบหมายให้ คณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับ จำนำข้าวระดับจังหวัด ทำความเข้าใจกับเกษตรกรที่นำข้าวเหล่านี้มาเข้าโครงการเพื่อไม่ให้เกิดการต่อต้านเพราะคิดว่าไม่ได้รับความยุติธรรม

นายภูมิ กล่าวด้วยว่า แม้ว่าข้าวตกเกรดเหล่านี้จะมีไม่มากนัก จากจำนวนที่มีการรับจำนำอยู่แต่ในอนาคตก็วิตกว่าจะมีข้าวตกเกรดออกมาอีกในฤดูกาลเก็บเกี่ยวหน้า และหากรัฐบาลมีการรับจำนำข้าวอีกครั้งก็จะทำให้มีข้าวคุณภาพต่ำเหล่านี้เข้ามาในโครงการรับจำนำอีก และจะส่งผลต่อภาลักษณ์ของคุณภาพข้าวไทยในอนาคตด้วย

ดังนั้นคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการรับจำนำ ก็จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ พิจารณาแก้ไขและเพิ่มเติมเงื่อนไขการรับจำนำข้าวโดยอาจกำหนดในเรื่องของคุณภาพข้าวให้มีความเข้มงวดมากขึ้น และในปีต่อไปอาจไม่รับจำนำข้าวคุณภาพต่ำเหล่านี้

Produced by VoiceTV

ภาพคนหน้าคล้ายมือระเบิด เป็นการจัดฉาก

โฆษกพรรคเพื่อไทยยืนยันว่า ภาพคนหน้าเหมือนมือวางระเบิดอยู่หลังร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นการตัดต่อภาพเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ โดยจะมอบให้กระทรวงไอซีทีดำเนินการตรวจสอบหาตัวผู้กระทำ

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีผู้เอารูปคนหน้าเหมือนมือวางระเบิด อยู่หลังร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีมาเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ว่า เป็นการตัดต่อภาพเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลตามแผนบันได 9 ขั้น ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจะมอบให้กระทรวงเทคโนโยลีสารสนเทศและการสื่อสารไปตรวจสอบ และปราบปรามผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง

ส่วนกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหลบเลี่ยงปัญหา หลังกระทรวงการต่างประเทศคืนหนังสือเดินทางให้พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยนายพร้อมพงศ์ ยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ทราบดีว่า การคืนหนังสือเดินทางเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ดังนั้น การกล่าวหานางสาวยิ่งลักษณ์จึงต้องการทำลายความน่าเชื่อถือ และใช้ประเด็นนี้จุดกระแสนำไปสู่การเคลื่อนไหวล้มรัฐบาลของกลุ่มอำนาจเก่าในช่วงต้นปีหน้า

นอกจากนี้ นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงผลการสำรวจจากโพลหลายสำนักเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรีว่า ยังมีความขัดแย้งกัน โดยสวนดุสิตโพล ระบุว่า ประชาชนต้องการให้ปรับ คณะรัฐมนตรีโดยเฉพาะตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทย ซึ่งขัดแย้งกับผลสำรวจของเอแบคโพล ซึ่งโพลของพรรคเพื่อไทย สะท้อนว่า ประชาชนพึงพอใจการทำงานของรัฐมนตรีทุกคน

โดยให้คะแนนการทำงานของ นางสาวยิ่งลักษณ์มากที่สุด รองลงมาคือ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่อาจยังขาดการประชาสัมพันธ์ผลงาน ดังนั้น ในที่ประชุมพรรคในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ จะมีการนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุม พร้อมกับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

Produced by VoiceTV

โปรตุเกสประดับไฟการกุศล ช่วยเด็ก-คนชรา

ชาวโปรตุเกสร่วมกิจกรรมจุดเทียนเรียงกันเป็นรูปดาว โดยรายได้จากการขายเทียนจะนำไปบริจาคให้แก่เด็กและคนชราที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง

ชาวโปรตุเกสในกรุงลิสบอน ร่วมนำเทียนจำนวนถึง 50,000 ดวง มาเรียงต่อกันเป็นรูปดาวขนาดยักษ์บนจัตุรัสกลางเมือง โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นโครงการระดมทุนของมูลนิธิแลนด์ออฟดรีมส์ ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือแก่เด็กและคนชราที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง

ในการสร้างดาวขนาดยักษ์นี้ เจ้าหน้าที่อาสาสมัครหลายสิบคนต้องใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงในการเรียงและจุดเทียน โดยเทียนที่ใช้ในการสร้างรูปดาวนี้มีราคาเล่มละ 1 ยูโร ซึ่งรายได้จากการขายเทียนจะนำเข้าสมทบทุนมูลนิธิดังกล่าว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของทางมูลนิธิแลนด์ออฟดรีมส์ คาดหวังว่ากิจกรรมนี้จะได้รับการบันทึกในกินเนสบุคในฐานะการสร้างรูปดาวที่สามารถส่องแสงได้ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

Produced by VoiceTV

รมว.สธ. เตือนปชช.ที่ใช้เสื้อกันหนาวมือสอง ให้ต้มน้ำร้อนก่อนใช้

รมว.สธ. เตือนประชาชนที่ใช้เครื่องกันหนาวมือสอง ก่อนใช้ให้ต้มในน้ำเดือดนาน 15-30 นาที เพื่อป้องกันโรคกลาก เกลื้อน ส่วนผู้ที่นิยมท่องเที่ยวในป่าช่วงนี้ระวังโรคสครับไทฟัส และไข้มาลาเรีย

นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูหนาว ขอให้ประชาชนสวมเสื้อผ้าให้ความอบอุ่นร่างกายให้เพียงพอ และมีความเป็นห่วงผู้ที่ใช้เครื่องกันหนาวมือสอง เช่น เสื้อกันหนาวราคาถูก อาจจะมีความเสี่ยงติดเชื้อที่มากับเสื้อผ้าดังกล่าวทั้งจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ทำให้เกิดโรคกลาก เกลื้อน

ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ก่อนนำมาใช้ ต้องซักและต้มในน้ำเดือดนาน 15-30 นาที เพราะการซักธรรมดาอย่างเดียวหรือตากแดดจัดๆ เป็นเวลานานไม่สามารถฆ่าเชื้อเหล่านี้ได้หมด หรืออาจแช่ด้วยน้ำยาซักผ้าขาว แล้วรีดด้วยความร้อนสูง โดยเฉพาะด้านในของเสื้อผ้า เพราะเชื้อราที่เป็นสาเหตุของกลากและเกลื้อน จะทนต่อสภาวะการทำความสะอาดตามปกติ

นอกจากนี้ ในช่วงฤดูหนาวมักจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากนิยมไปเที่ยวป่า เดินป่า กางเต็นท์นอนตามป่า โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษา ซึ่งขอให้ระมัดระวังตนเองเนื่องจากในป่าจะมีตัวไรอ่อน เป็นพาหะนำโรค สครับไทฟัส และมียุงก้นปล่องเป็นพาหะนำโรคมาลาเรีย ซึ่งยุงชนิดนี้อยู่ในป่า ออกหากินเวลากลางคืน ทั้ง 2 โรคนี้มีอันตรายอาจทำให้เสียชีวิต เพราะไม่มีวัคซีนป้องกันโรค แต่มียารักษาหายขาด โดยได้มอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันตัวเองอย่างต่อเนื่อง

Source : News Center/กรมประชาสัมพันธ์ /gotoknow.org(Image)

ตร.เรียก "เสธ บ."สอบคดีสังหารชุติเดช พรุ่งนี้

ตร.เตรียมเรียก "เสธ บ." สอบคดีสังหารคนสนิท "อี้" พรุ่งนี้ หลังประสานขอข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์

พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.ดอนเมือง กล่าวถึงกรณี "เสธ บ." ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกพาดพิงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการเสียชีวิตของ นายชุติเดช สุวรรณเกิด คนสนิทและหัวคะแนนของ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขตดอนเมือง พรรคประชาธิปัตย์ หลังเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังกองทัพอากาศ เพื่อขอข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ โดยระบุว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้นัดหมายให้เข้าพบในวันพรุ่งนี้ (19 ธ.ค.) เพื่อให้ข้อมูลในประเด็นที่ถูกพาดพิง แต่ยังไม่แน่ชัดในเรื่องของเวลา ส่วนเจ้าตัวจะมาตามนัดหมายหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถบอกได้

Source : naewna / (image)

ครบรอบ 19 เดือนสลายการชุมนุมเสื้อแดง

ลิซ่า หนุนอนันต์ ผู้สื่อข่าววอยซ์ทีวี รายงานจากบริเวณ สี่แยการาชประสงค์

ครบ 19 เดือนแล้วสำหรับเหตุการณ์สลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 วันนี้(18 ธ.ค) ญาติผู้เสียชีวิตได้มาร่วมกันทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่วีรชนที่เสียชีวิต

Produced by VoiceTV

ช้างคู่บ้านคู่เมืองชาวกระบี่ล้ม เจ้าของทำบุญ 9 วัน

กระบี่-“พลายสังข์” ช้างคู่บ้านคู่เมือง อ.ลำทับ จ.กระบี่ ล้ม หลังมีอาการป่วยมานาน เจ้าของเผย เป็นช้างที่มีความสง่างาม เตรียมทำบุญอุทิศส่วนกุศลเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีช้างพ่อเดียวคนละแม่กับช้างพระเศวตล้ม ซึ่งเป็นของนายสันติ ศรีสุข อายุ 44 ปี อยู่ที่บ้านเลขที่ 17/2 ม.5 ต.ลำทับ ม.5 ต.ลำทับ อ.ลำทับ จ.กระบี่ จึงเดินทางไปตรวจสอบพบบริเวณหน้าบ้านชาวบ้าน จำนวนกว่า 100 คน กำลังยืนมุงดูซากช้างพลาย สังข์ อายุ 67 ปี หลังเกิดอาการตกมันและ ล้มป่วยมาเป็นเวลา ประมาณ 1 สัปดาห์ สร้างความเศร้าโศกแก่ ชาวตำบลลำทับเป็นอย่างมาก เนื่องจากพลายสังข์เป็นช้างคู่บ้านคู่เมือง และเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้าน

นายสันติ กล่าวเล่าว่า พลายสังข์ เดิมทีเป็นของพ่อหรือกำนันลาบ หลังจากที่พ่อเสียตนก็ได้นำพลายสังข์มาเลี้ยงต่อ และก่อนที่พลายสังข์ จะล้ม ได้มีอาการป่วยมานานกว่า 6 เดือนแล้ว และพยายามรักษาจนอาการดีขึ้น ก่อนล้มประมาณ 6 วัน พลายสังข์เกิดอาการตกมัน หลังจากนั้น 1 วันก็เกิดอาการป่วย และอาการไม่ดีขึ้น จนกระทั่งเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 17 ธ.ค. 2554 ก็ได้ล้มอย่างสงบที่ข้างๆ คอกช้าง ทำให้ชาวบ้านที่ทราบข่าวแห่มาดูกันเป็นจำนวนมาก และได้ทำพิธีฝังพลายสังข์ ในช่วงเย็นวันเดียวกัน(17 ธ.ค.) โดยมีนายสมศักดิ์ เวชพานิชย์ อดีตนายอำเภอลำทับ ซึ่งเพิ่งย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่จังหวัดพัทลุง จะเดินทางมาเป็นประธานในพิธีฝัง และจะมีการทำบุญ เป็นเวลา9วัน9 คืน

ขณะที่นายสำรวญ นวลสมศรี ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นญาติของนายสันติ กล่าวว่า การล้มของพลายสังข์ ถือเป็นการสุญเสียครั้งใหญ่ของชาวอำเภอลำทับ เพราะ เป็นช้างที่มีความสง่างาม และพูดได้ว่าเป็นช้างคู่บ้านคู่เมืองของอำเภอลำทับ ซึ่งพ่อของนายสันติ คือนาย ลาภ ศรีสุข อดีตกำนันตำบลลำทับ จับมาได้ที่หนองจูด อยู่ในตำบลดินอุดม อ.ลำทับ เป็นที่เดียวกับช้างพระเศวต ซึ่งเป็นช้างคู่บารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และได้มีการเล่าขานกันว่าพลายสังข์เป็นพี่น้องกับช้างพระเศวต โดยมีพ่อเชือกเดียวกันแต่คนละแม่

Source : thairath / (image)

ขนส่งมั่นใจช่วงปีใหม่ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง-เร่งซ่อมถนน

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เผย ขนส่งได้มีการตั้งจุดบริการช่วงปีใหม่กว่า 2,000 จุด พร้อมมั่นใจไม่มีผู้โดยสารตกค้างที่สถานีแน่นอน

นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ระบุถึงมาตรการในการให้บริการประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ว่า กรมการขนส่งทางบกได้เตรียมมาตรการต่างๆ ไว้รองรับมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมาตรการตรวจรถก่อนใช้ปลอดภัยแน่นอน

โดยได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนตั้งจุดให้บริการกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ ทั้งนี้ ประชาชนจะได้รับบริการตรวจสภาพรถฟรี 20 รายการ นอกจากนี้ ยังร่วมกับสถาบันอาชีวศึกษาตั้งจุดเช็คสภาพรถฟรีกว่า 300 แห่ง จุดพักรถโดยสารสาธารณะในเส้นทางที่ยาวไกล โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จ.บุรีรัมย์ และจ.นครราชสีมา ภาคเหนือ ที่จ.กำแพงเพชร และจ.พิษณุโลก ภาคตะวันออกที่จ.ระยอง ภาคใต้ที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.สุราษฎร์ธานี และจ.นครศรีธรรมราช

ส่วนการจัดรถโดยสารสาธารณะรองรับปริมาณผู้โดยสารทั้งกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดนั้น กรมการขนส่งทางบกมีมาตรการจัดรถให้เพียงพอต่อผู้โดยสาร โดยต่างจังหวัดได้มอบหมายสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศให้ดูแลรถให้เพียงพอไม่ให้ผู้โดยสารตกค้าง

ส่วนสภาพถนนที่ชำรุดจากเหตุอุทกภัยที่ผ่านมา กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทกำลังเร่งซ่อมแซมเส้นทางสายหลักให้แล้วเสร็จทันก่อนปีใหม่

Source : News Center/matichon /rottourthai.com(Image)

วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2554

กัมพูชากราดยิง ฮ.ทัพเรือ ใบพัดพรุน เร่งลงจอดฉุกเฉิน

กัมพูชากราดยิง เฮลิคอปเตอร์ แบบเบลล์ 212 ของกองทัพเรือ โดยเจ้าหน้าที่ทั้งหมดปลอดภัย หลังลงจอดฉุกเฉิน เผยใบพัดเสียหายมีรอยรูกระสุนปืน

เมื่อวานนี้ (16 ธ.ค) ช่วงเวลาประมาณ 13.30 น.เกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ แบบเบลล์ 212กองกำลังจันทบุรีตราด กองทัพเรือ ลงจอดฉุกเฉิน บริเวณสนามเขาล้าน จ.ตราด

ทั้งนี้เครื่องลำดังกล่าวได้ขึ้นบินตรวจความเรียบร้อยบริเวณตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา เพื่อดูแลทหารพรานที่ดูแลความเรียบร้อยบริเวณตามแนวชายแดน หลังจากขึ้นบินไม่นานนักบินได้ยินเสียงกราดยิงเป็นจำนวนมาก จึงได้ตรวจสอบพบว่า เครื่องเกิดความเสียหายบริเวณใบพัดของตัวเครื่อง จึงได้นำเครื่องลงจอดฉุกเฉิน

ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบพบว่า เครื่องได้รับความเสียหายที่บริเวณใบพัด มีรูลูกกระสุนปืนแบบปืนกลเล็กถูกกระหน่ำยิงเข้าบริเวณใบพัดและลำตัวเครื่องเป็นจำนวนมาก พร้อมกันนี้ ชาวบ้านบริเวณดังกล่าวได้เล่าว่า ได้ยินเสียงปืนกลดังกล่าว จากนั้น ฮ.ก็ได้หายไปจึงคาดว่า ฮ.อาจตก

อย่างไรก็ตาม ฮ.ลำดังกล่าวอาจบินลุกล้ำเข้าไปยังเขตแนวประเทศกัมพูชา จึงทำให้มีการยิงสกัดดังกล่าว จากการลงจอดฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ทหารไทยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอันตรายใด ๆ

Source : News Center/ bangkokbiznews/arunsawat.com(Image)

คนร้ายวางระเบิด 3 จุด ใน กทม. ตร.เร่งเก็บกู้

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยคนร้ายได้วางระเบิดใน 3 จุด ได้แก่ ธ.กรุงเทพสาขา สุขุมวิท 77 ถ.ลาดกระบัง 13 และลาดกระบัง 20 ย่านสุวรรณภูมิซึ่งอยู่ระหว่างการเก็บกู้

พลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยจากกรณีที่ตำรวจได้จับกุมคนร้ายก่อเหตุวางระเบิดเพื่อต้องการป่วนเมืองเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาว่า คนร้ายคาดว่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มวางระเบิดที่ หน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ถ.ราชดำเนินกลางเมื่อต้นเดือนนี้

ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ จากการสอบสวน พบว่า คนร้ายได้วางระเบิดใน 3 จุด ได้แก่ ธ.กรุงเทพสาขา สุขุมวิท 77 ถ.ลาดกระบัง 13 และลาดกระบัง 20 ย่านสุวรรณภูมิซึ่งอยู่ระหว่างการเก็บกู้ แต่คนร้ายบอกว่ามีระเบิดอยู่ 4 ลูก

ทั้งนี้รายงานล่าสุด ตำรวจได้เก็บกู้ระเบิดจุดแรกที่่่ ธ.กรุงเทพ ซ.สุขุมวิท77 ได้แล้ว พบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง ต่อวงจรแล้ว ควบคุมด้วยรีโมทพร้อมทำงาน

Source : News Center/matichon/e-santoday.com(Image)

IMF เตือนวิกฤติหนี้อียู คุกคามศก.ทั่วโลก

ไอเอ็มเอฟเตือนวิกฤติอียูคุกคามเศรษฐกิจทุกประเทศทั่วโลกไม่เฉพาะชาติเศรษฐกิจก้าวหน้าหรือในยุโรปเท่านั้น

นางคริสตีน ลาการ์ด กรรมการผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ เตือนว่า วิกฤติเศรษฐกิจในยุโรปกำลังรุนแรงขึ้น และจะคุกคามเศรษฐกิจทุกๆประเทศทั่วโลก ไม่ได้ส่งผลกระทบหรือคุกคามเฉพาะในภูมิภาคยุโรป หรือชาติเศรษฐกิจก้าวหน้าอย่างเดียวเท่านั้น แต่คุกคามเศรษฐกิจของทุกชาติ ทั้งชาติที่มีรายได้ต่ำ ชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่ ชาติที่มีรายได้ปานกลาง

"ปัญหาที่เราวิตกกังวลขณะนี้ ไม่ใช่เรื่องวิกฤติในยุโรปจะส่งผลกระทบต่อชาติเศรษฐกิจก้าวหน้า แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับยุโรป คุกคามเศรษฐกิจทุกประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่เศรษฐกิจขนาดเล็ก มี่รายได้ต่ำ และประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ด้วยเพราะเราเริ่มเห็นสัญญาณแล้วว่า วิกฤติในยุโรปจะรุนแรงขึ้น"

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ไอเอ็มเอฟ เรียกร้องให้ชาติยุโรปทั้ง 26 ประเทศเร่งดำเนินการในทันที หลังจากเห็นพ้องร่วมกันที่จะดำเนินมาตรการทางการเงินและการคลังที่เข้มงวดขึ้น

Source : News Center / bangkokbiznews / AFP (Image)

วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เปิดตัวบัตรพลังงาน-แท็กซี่ค้านขึ้น LPG NGV

โครงการบัตรเครดิตพลังงานเอ็นจีวี เพื่อผู้ขับขี่รถรับจ้างสาธารณะ เปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่ารัฐบาลจะมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ขณะที่สมาคมรถแท็กซี่ไม่เห็นด้วยและคัดค้านการขึ้นราคาพลังงานในปี 2555

โครงการบัตรเครดิตพลังงาน NGV เป็นความร่วมมือกระทรวงพลังงานร่วมกับบริษัท ปตท. และธนาคารกรุงไทย ให้ผู้ขับขี่รถรับจ้างสาธารณะโดยเฉพาะกลุ่มรถแท็กซี่ รถสามล้อและรถตู้ร่วมขสมก.ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล สำหรับชำระค่าก๊าซแทนเงินสด วงเงิน 3000 บาทต่อเดือน และรับสิทธิส่วนลดราคาขายปลีก ก๊าซ 50 สตางค์ถึง 2 บาท ต่อกิโลกรัม

โดยบัตรเครดิตที่ใช้ในโครงการพลังงาน NGV ดังกล่าวมี 2 ประเภทคือ บัตรเติมก๊าซ NGV หรือบัตรสีเงิน เป็นบัตรเพื่อใช้ในประเภทรถที่ระบุเข้าร่วมโครงการ และบัตรเครดิตพลังงาน NGV เป็นบัตรที่ให้วงเงินสินเชื่อ เพื่อใช้ในการชำระค่าก๊าซ NGV ทั้งนี้ผู้ถือบัตร ต้องใช้บัตรทั้ง 2 ใบควบคู่กันทุกครั้ง และใช้ในสถานีบริการ NGV ที่เข้าร่วมโครงการ

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการนี้เป็นนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลได้แถลงไว้
เน้นยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน แบ่งเบาภาระผู้มีรายได้น้อย และความเดือดร้อน พร้อมกับการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วย ซึ่งโครงการดังกล่าว จึงถือเป็นโครงการสำคัญ ที่เป็นรูปธรรม ตามเป้าหมายของรัฐบาล

ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันมี ผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 150 คัน เป็นรถแท็กซี่ 100 คัน รถตู้ร่วม ขสมก. 35 คัน และรถสามล้อ 15 คัน ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ จนถึงวันที่ 17 ธันวาคมนี้ ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 9

ก่อนหน้านี้กระทรวงพลังงานได้กล่าวย้ำว่า จะมีการขึ้นราคาก๊าซ แอลพีจี และเอ็นจีวี ตามแผนในวันที่ 16 มกราคม 255 อย่างแน่นอน ซึ่งเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร และ ชุมนุมสหกรณ์บริการเดินรถแห่งประเทศไทย มีท่าทีคัดค้านการปรับขึ้นราคา โดยต้องการให้รัฐบาลชะลอการปรับขึ้นราคาพลังงานทั้ง 2 ชนิดต่อไปอีก 1 ปี
และหากรัฐยังยืนยันที่จะขึ้นราคา ผู้ประกอบการรถแท็กซี่ จะขอปรับขึ้นราคามิเตอร์เริ่มต้นเป็น 50 บาท จากปัจจุบันเริ่มต้นอยู่ที่ 35 บาท

Produced by VoiceTV

ศาลฝรั่งเศสจำคุกอดีตปธน. 2 ปี ฐานคอรัปชั่น

ประมวลข่าวเด่น ประจำวันที่ 15 ธ.ค. 2554

- ศาลฝรั่งเศสจำคุกอดีตปธน. 2 ปี ฐานคอรัปชั่น

- ญี่ปุ่นตรวจอาหารเด็กทุก 3 เดือนเกรงกัมมันตรังสีปนเปื้อน

Produced by VoiceTV

"ก้าวข้ามความกลัว" วงเสวนาเปิดตัวหนังสือฝ่ามืออากง

ที่ลานปรีดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีงานเปิดตัวหนังสือ "ก้าวข้ามความกลัว ปลดปล่อยอากง ซึ่งรวบรวมรูปภาพของคนที่ถ่ายภาพฝ่ามือที่เขียนคำว่า "อากง" เอาไว้ โดยในงานมีการเสวนาจากนักวิชาการและนักเขียนที่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว

Produced by VoiceTV

10 สถานที่เพื่อการฉลองคริสต์มาส

เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นโก ได้จัดอันดับเมืองที่เหมาะกับการฉลองคริสต์มาสมากที่สุด 10 เมืองจากทั่วโลก มีทั้งประเทศในยุโรป สหรัฐอมเริกา และเอเชีย ส่วนอันดับหนึ่งคือที่เยอรมันนี

อันดับที่ 10 คือเมืองซาน ฮวน ประเทศเปอร์โตริโก ในเวบไซต์ให้เหตุผลว่า หากรู้สึกว่าการฉลองคริสต์มาสในแต่ละปีสั้นเกินไป ให้ไปเที่ยวที่เมืองนี้ เพราะเทศกาลคริสต์มาสที่นี่เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน จนถึงกลางเดือนมกราคม ซึ่งชาวพื้นที่นี่ฉลองคริสต์มาสกันนานถึง 3 เดือน

อันดับที่ 9 คือ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นเมืองที่สามารถพบซานตาคลอสได้ตามสถานที่ต่างๆ แต่ที่การฉลองคริสต์มาสในลอนดอนจะสั้นกว่าที่อื่นๆ โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 24 ธันวาคม หรือวันคริสต์มาสอีฟ

อันดับที่ 8 คือ นิวยอร์กซิตี สหรัฐอเมริกา ทุกปีจะมีการประดับประดาต้นคริสต์มาสอยู่หน้าตึกหรือสถานที่สำคัญต่างๆ โดยเฉพาะต้นคริสต์มาสหน้าศูนย์รอกกีเฟลเลอร์ ซึ่งประดับไฟยาวกว่า 8 กิโลเมตร

อันดับที่ 7 กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าเมื่อต้นปีที่ผ่านมาจะเกิดสึนามิและกัมมันตภาพรังสีรั่วไหล แต่ญี่ปุ่นก็ยังคงเป็นอีกประเทศหนึ่งที่น่าไปเที่ยวในช่วงคริสต์มาส ซึ่งทั่วกรุงโตเกียวจะมีการประดับประดาไฟอย่างสวยงาม และยังมีการประดับต้นคริสต์มาสแบบญี่ปุ่นอีกด้วย

อันดับที่ 6 มูอองซาร์ตูซ์ ประเทศฝรั่งเศส ที่นั่นจะจัดงานตุ๊กตาจำลองขนาดเล็กสำหรับซื้อเพื่อเป็นของขวัญในเทศกาลคริสต์มาส โดยตุ๊กตาจำลองในมูอองซาร์ตูซ์มีตั้งแต่รูปจำลองที่เกี่ยวของกำเนิดวันคริสต์มาส ต้นคริสต์มาส และของประดับบ้าน

หากต้องการคริสต์ที่มีบรรยากาศหน้าร้อน ต้องไปที่อันดับ 5 นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เพราะวันคริสต์มาสตรงกับฤดูร้อนของออสเตรเลียพอดิบพอดี ผู้คนจึงนิยมออกมาฉลองคริสต์มาสกันที่ชายหาด ขณะเดียวกันก็มีการประดับประดาอาคารและต้นคริสต์มาสเหมือนในประเทศอื่นๆ

และหากไปกับคู่รัก และต้องการฉลองคริสต์มาสแบบโรแมนติด จะต้องเดินทางไปที่ เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นอันดับที่ 4 และเป็นบ้านเกิดของโรมีโอกับจูเลียต ในทุกปีจะจัดงานฉลองคริสต์มาสกันริมคลอง และมีการจัดคอนเสิร์ต จุดดอกไม้ไฟในบริเวณปราสาทอาร์โกด้วย

อันดับที่ 3 เมืองเรคาวิก ประเทศไอซ์แลนด์ ในปีนี้ได้จำลองเมืองทั้งเมืองให้เป็นเมืองเทพนิยาย และมีหมู่บ้านคริสต์มาส ซึ่งจะเปิดเฉพาะช่วงวันเสาร์อาทิตย์ตลอดเดือนธันวาคม นอกจากนี้ยังมีการก่อกองไฟและจุดดอกไม้ไฟในช่วงปีใหม่ไปจนถึงวันที่ 6 มกราคม

ส่วนอันดับ 2 คือ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย จัดเทศกาลคริสต์มาสตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน จนถึงวันคริสต์มาส โดยจุดเด่นอยู่ที่ตลาดสินค้าคริสต์มาส ซึ่งมีมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว โดยมีอาหารจำหน่ายมากมาย เช่น ขนมปังขิง วาฟเฟิล ไส้กรอกย่าง และไวน์

ส่วนอันดับที่ 1 คือเมืองนูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี ซึ่งมีตลาดสินค้าคริสต์มาสที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนนูเรมเบิร์กได้ถึง 2 ล้านคนต่อปี โดยมีชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ และร้านขายของทำมือเกือบ 200 ร้าน งานนี้มีไปจนถึงวันคริสต์มาสอีฟ

Produced by VoiceTV

ดาวเทียมจัดเรียงช่องใหม่

กลุ่มผู้ผลิตและค้าจานดาวเทียม 4 บริษัทใหญ่ ร่วมจัดมาตรฐานการเรียงช่องใหม่ โดยแยกหมวดหมู่ตามการรับชมพร้อมคงตำแหน่งของช่องแน่นอนเลขเดียวกันทั้ง 4 จาน

นายนิรันดร์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม ประธานชมรมผู้ผลิตและค้าจานดาวเทียม เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการจานดาวเทียมในชมรม 4 บริษัทใหญ่ ซึ่งประกอบด้วย บริษัทอินโฟแซท, ไอเดียแซท, ไทยแซท และลีโอเทค ได้ร่วมกันปรับมาตรฐานการเรียงช่องใหม่ของทีวีดาวเทียมในระบบซีแบนด์ เพื่อให้ผู้ชมสามารถที่จะจดจำช่องที่ชื่นชอบได้ง่ายขึ้น โดยจะอยู่ในลำดับตำแหน่งเดิมไม่มีการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนในอดีต

สำหรับการจัดเรียงช่องทีวีดาวเทียมใหม่ในระบบซีแบนด์บนดาวเทียมไทยคม 5 นี้ จะเป็นการจัดตามเรทติ้งของแต่ละช่องแล้วแบ่งออกเป็นกลุ่มตามเนื้อหาการนำสนอ โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มช่องหลัก 13 กลุ่มด้วยกัน เช่น กลุ่มมาตรฐานหรือฟรีทีวี, กลุ่มรายการข่าว, กลุ่มรายการเด็ก และกลุ่มรายการเพลง รวมถึงมีการแยกเนื้อหากลุ่มที่อาจมีเนื้อหาล่อแหลมต่อเด็กและเยาวชนให้อยู่ตำแหน่งที่ห่างออกไป ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการยกระดับอุตสาหกรรมทีวีดาวเทียมไทยให้มีมาตรฐานในการรับชมสูงขึ้น

นายนิรันดร์ กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดเรียงช่องใหม่นี้นอกจากจะต้องเป็นจานดาวเทียมในระบบซีแบนด์ของทั้ง 4 บริษัทแล้ว กล่องรับสัญญาณจะต้องเป็นเครื่องรับรุ่นใหม่ที่มีเทคโนโลยีโอทีเอ ที่สามารถปรับเรียงช่องได้อย่างอัตโนมัติรวมถึงรองรับกรณีที่มีช่องใหม่เกิดขึ้นมาซึ่งสามารถเพิ่มช่องเข้าไปได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการพัฒนาดังกล่าวจะส่งผลให้ธุรกิจจานดาวเทียมเติบโตเฉลี่ยปีละ 15-20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนำไปสู่การดึงเม็ดเงินเข้าสู่ธุรกิจดาวเทียมมากขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้หากผู้บริโภคที่กล่องรับสัญญาณได้รับความเสียหายจากเหตุอุทกภัยครั้งที่ผ่านมา สามารถนำกล่องรับสัญญาณที่จมน้ำยี่ห้อใดก็ได้มาแลกซื้อกล่องรับสัญญาณใหม่ได้ในราคา 390 บาท ขณะที่ในส่วนของระบบการจัดเรียงช่องใหม่นี้จะทำการอัพเดตและใช้การได้ตั้งแต่วันนี้ ซึ่งผู้ชมที่ติดตามชมสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวีสามารถกดไปชมได้ที่ช่อง 17

Produced by VoiceTV

ราคาทองคำขาลงระยะสั้น

ราคาทองคำในประเทศไทยวันนี้ (15ธ.ค.54) มีความผันผวนและมีการเปลี่ยนแปลงถึง 10 ครั้ง โดยในช่วงเช้าราคาทองคำร่วงลงถึง 850 บาท และปรับขึ้นมาระหว่างวัน

สถานการณ์ราคาทองคำในประเทศไทยวันนี้เปลี่ยนแปลงถึง 10 ครั้ง โดยในช่วงเข้าของการเปิดตลาด ราคาทองคำแท่งปรับตัวลดลงถึง 850 บาท ต่อหนึ่งบาททองคำ และปรับเพิ่มขึ้นมาในช่วงบ่าย โดยมีการเปลี่ยนแปลงราคาถึง 10 ครั้งด้วยกัน โดยราคาทองแท่งปิดตลาดวันนี้ ซื้อคืน 23650 บาท ขายออกอยู่ที่ 23750 บาท

ประธานกรรมการ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก กล่าวว่า ราคาทองคำที่ร่วงลงเป็นผลกระทบจากความกังวลของนักลงทุนในยุโรป ซึ่งคาดว่าราคาทองคำในระยะสั้น จะอยู่ในช่วงขาลงต่อเนื่องไปอีก 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือน

อย่างไรก็ตาม ยังมองว่าราคาทองคำในระยะยาว จะสูงถึง 3 หมื่นบาทในปีหน้า ซึ่งมาจาก 3 ปัจจัยหลักที่มีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงุทน คือ เศรษฐกิจในสหรัฐที่ยังไม่แน่นอน อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ และ ภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ด้านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทยให้เหตุผลว่า ราคาทองคำร่วงลงแรงในวันนี้ เนื่องจากปัญหาหนี้ยุโรปยังคงกดดันตลาดต่อเนื่อง นักลงทุนส่วนใหญ่เทขายสินทรัพย์เสี่ยง หันมาถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มากขึ้น

ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาแข็งค่าขึ้นที่สุด ในรอบ 11 เดือน เมื่อเทียบกับยูโร และทำให้ราคาราคาทองคำให้ปรับตัวลงอย่างรุนแรง โดยราคาทองคำเมื่อคืนที่ผ่านมา ต่ำกว่าระดับ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

ส่วนราคาทองคำในฮ่องกงซึ่งเป็นราคาอ้างอิงกับราคาในประเทศไทย ปิดตลาดวันนี้ร่วงลงถึง 440 ดอลลาร์ฮ่องกง โดยปิดที่ระดับ 14,780 ดอลลาร์ฮ่องกง เทียบเท่า 1,593 เหรียญ 66 เซนต์ต่อออนซ์

Produced by VoiceTV

กยอ.กำหนดกรอบพัฒนาประเทศเน้นโครงสร้างพื้นฐาน

คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ ได้กำหนดกรอบยุทธศาสตร์ เพื่อการพัฒนาประเทศหลังน้ำลดไว้ 5 ข้อ เน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการคมนาคม ทั้งทางรถราง เครื่องบิน และเรือ รวมไปถึงการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ใหม่ด้วย

Produced by VoiceTV

เลขาฯยูเอ็นยกย่องให้ปีนี้เป็นปีที่น่าจดจำ

โกลบอลอินเทอร์เรสต์ ประจำวันที่ 15 ธันวาคม 2554

- สหรัฐฯถอนทหารจากอิรักเพิ่ม

- เรือรบรัสเซียจอดในน่านน้ำอังกฤษ

- ปธน.รัสเซียหารืออียูแก้วิกฤติยูโร

- เลขาฯยูเอ็นยกย่องให้ปีนี้เป็นปีที่น่าจดจำ

- คอสตาริกาน้ำท่วมหลังฝนตกต่อเนื่อง

Produced by VoiceTV

EU ตัดงบช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนา

รายการ The Daily Dose ประจำวันที่ 15 ธ.ค. 2554

กรรมาธิการยุโรปฝ่ายการพัฒนาระบุว่าคณะกรรมาธิการยุโรป(อียู) ประกาศตัดความช่วยเหลือแก่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่จำนวน19 ประเทศ

ได้แก่อาร์เจนตินา, บราซิล, ชิลี, จีน, โคลอมเบีย, คอสตาริกา, เอกวาดอร์, คาซัคสถาน, อินเดีย, อินโดนีเซีย, อิหร่าน, มาเลเซีย, มัลดีฟส์, เม็กซิโก, ปานามา, เปรู, ไทย, เวเนซุเอลาและอุรุกวัย ทั้งนี้การงดความช่วยเหลือจะนำไปสู่รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างอียูและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่เปลี่ยนไปและทำให้อียูสามารถมอบความช่วยเหลือไปยังกลุ่มประเทศที่ยากจนที่สุดระหว่างปี2014 ถึง2020 ผู้แทนหน่วยงานบรรเทาทุกข์และเอ็นจีโอกว่า1,600 แห่งระบุว่าอียูมองข้ามประชากรส่วนใหญ่ในประเทศกำลังพัฒนาเหล่านี้ซึ่งยังยากจนอยู่แม้รายได้เฉลี่ยต่อหัวจะสูงขึ้นก็ตามทั้งยังกล่าวหาคณะกรรมาธิการยุโรปว่ากำลังเล่นการเมืองกับคู่แข่งเช่นอินเดียซึ่งอยู่ระหว่างเจรจาข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับสหภาพยุโรป

Produced by VoiceTV

http://online.wsj.com/article/SB10001424052970203413304577084483874422516.html?mod=WSJAsia_hpp_LEFTTopStories

EU ตัดงบช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนา

Produced by VoiceTV

http://online.wsj.com/article/SB10001424052970203413304577084483874422516.html?mod=WSJAsia_hpp_LEFTTopStories

รวมภาพกีฬาสุดพิสดาร ปี 2554

รวมภาพกีฬาสุดพิสดารในช่วงปี 2554 จากทั่วโลก

ในช่วงปี 2544 ที่ผ่านมา ได้มีผู้จัดกิจกรรมกีฬาสุดพิสดารขึ้นในประเทศต่างๆทั่วโลก โดยมีผู้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาพิสดารดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

เริ่มต้นที่ประเทศจีน ผู้จัดงานเทศกาลฤดูหนาวในเมืองฮาร์บิน ได้จัดการแข่งขันว่ายน้ำโดยให้ผู้สมัครลงว่ายน้ำในบ่อน้ำแข็ง ท่ามกลางอากาศหนาวจัดและอุณหภูมิติดลบถึง 24 องศาเซลเซียส

ขณะที่เมืองคุณหมิง ก็ได้จัดการแข่งปีนน้ำตกที่กลายเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาวด้วยที่บริเวณบ่อน้ำเฮย หลง ถัน หรือบ่อน้ำมังกรดำขึ้น

สำหรับการแข่งขันที่ดึงดูดนักกรีฑาจากทั่วโลก ก็หนีไม่พ้นการแข่งขันวิ่งขึ้นตึกเอ็มไพร์สเตท ในนครนิวยอร์ค ของสหรัฐฯ ที่มีความสูงเป็นอันดับสามรองจากตึกเวิร์ล เทรด เซ็นเตอร์ ผู้ร่วมแข่งขันจะต้องวิ่งจากชั้นล่างของตึกที่มี 102 ชั้น โดยขึ้นบันไดทั้งหมด 1,576 ขั้น เพื่อไปให้ถึงเส้นชัยซึ่งอยู่บนชั้นดาดฟ้า

กลับมาที่ทวีปเอเชียอีกครั้ง ที่ประเทศเกาหลีใต้ เด็กๆถูกผู้ปกครองส่งมาดัดนิสัยในค่ายทหารเมืองอันซาน ด้วยการทำกิจกรรมที่ดูไม่น่าสนุกนัก พวกเขาถูกจับถอดเสื้อ ก่อนที่จะลงไปคลุกคลานบนหิมะ พร้อมกับตะโกนตามคำสั่งของครูฝึก เพื่อเป็นการฝึกความอดทน

Produced by VoiceTV

กยอ.กำหนดกรอบพัฒนาประเทศเน้นโครงสร้างพื้นฐาน

รายการข่าว Voice Focus ประจำวันที่ 15 ธ.ค. 2554

- กยอ.กำหนดกรอบพัฒนาประเทศเน้นโครงสร้างพื้นฐาน

- ราคาทองขาลงช่วงสั้น

- 10 สถานที่เพื่อการฉลองคริสต์มาส

กยอ.กำหนดกรอบพัฒนาประเทศเน้นโครงสร้างพื้นฐาน

การประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ ใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมง ได้กรอบยุทธศาสตร์4 ด้าน เน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และสร้างพื้นที่เศรษฐกิจใหม่

ราคาทองขาลงช่วงสั้น

ราคาทองคำร่วงแรงช่วงเช้าลดลง 850 บาท ก่อนที่จะปรับขึ้นมาในช่วงบ่าย นักวิเคราะห์ชี้ขาลงช่วงสั้น 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือนเท่านั้น

10 สถานที่เพื่อการฉลองคริสต์มาส

เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นจัดอันดับ 10 สถานที่เพื่อการฉลองคริสต์มาส มีทั้งประเทศในยูโรป เอชีย และ สหรัฐอเมริกา

Produced by VoiceTV

ฮอร์เน็ตส์ตกลงเทรดคริส พอลให้แอลเอคลิปเปอร์ส

สปอร์ตอัพเดท ประจำวันที่ 15 ธันวาคม 2554

- ฮอร์เน็ตส์ตกลงเทรดคริส พอลให้แอลเอคลิปเปอร์ส

- ฌ็อง ติกานาเตรียมเซ็นคุมเซี่ยงไฮ้ฯ

- สหพันธ์ฟุตบอลสหรัฐฯยืนยันจัดลีกหญิงต่อปีหน้า

Produced by VoiceTV

ทูตจีน เข้าพบ ออง ซาน ซู จี

เอกอัคราชทูตจีนประจำกรุงเนปิดอว์ เข้าพบนางออง ซาน ซู จี ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัฐบาลพม่าเริ่มห่างเหิน

สำนักข่าววอยซ์ ออฟ อเมริการายงานว่าเอกอัครราชทูตของสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศพม่า ได้เข้าพบกับนางออง ซาน ซู จี ผู้นำพรรคสันนิบาตประชาธิปไตยแห่งพม่า โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนแถลงว่าการหารือดังกล่าวมีขึ้นตามคำขอของนางออง ซาน ซู จี

ซึ่งการหารือครั้งนี้ มีขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศเริ่มห่างเหิน หลังจากที่นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้เดินทางเยือนประเทศพม่าอย่างเป็นทางการเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ ก็มีกำหนดเดินทางเยือนพม่าเช่นกันในช่วงต้นเดือนมกราคมปีหน้า

ประชาคมโลกต่างกำลังจับตามองความสัมพันธ์ระหว่างพม่ากับสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ที่ดูเหมือนจะเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดี ขณะที่ความสัมพันธ์กับจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการค้าและการทหารที่สำคัญของพม่ามาโดยตลอด กลับห่างเหินออกไปหลังจากที่พม่ายกเลิกโครงการสร้างเขื่อนหลายโครงการที่มีร่วมกับจีน

ทั้งนี้ สื่อมวลชนในจีนได้รายงานว่า จีนยินดีกับการริเริ่มความสัมพันธ์ระหว่างพม่ากับชาติตะวันตก ตราบใดที่ความสัมพันธ์ดังกล่าวไม่กระทบต่อผลประโยชน์ของจีน ขณะที่นางคลินตันเคยกล่าวไว้ระหว่างการเดินทางเยือนพม่าว่า จีนไม่ควรมองว่าการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯในประเทศพม่านั้น เป็นภัยคุกคามต่อจีน

Produced by VoiceTV

เกาหลีเหนือเจรจาขอบริจาคอาหารจากสหรัฐฯ

ผู้แทนเกาหลีเหนือเดินทางไปเจรจากับผู้แทนของสหรัฐฯที่ประเทศจีน เพื่อขอให้สหรัฐฯช่วยบริจาคอาหารให้แก่รัฐบาลเกาหลีเหนือซึ่งกำลังรับมือกับภัยหนาวในประเทศ

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือ เดินทางมายังกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เพื่อเตรียมเข้าพบนายโรเบิร์ต คิง ผู้แทนพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ โดยมีกำหนดพบกันที่สถานทูตเกาหลีเหนือ ในกรุงปักกิ่ง เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ ในการรื้อฟื้นโครงการบริจาคอาหารที่สหรัฐฯเคยให้แก่เกาหลีเหนือ ซึ่งถูกระงับไปในปี 2552 หลังจากที่เกาหลีเหนือไม่ยอมให้นานาชาติเข้าตรวจสอบโครงการพัฒนานิวเคลียร์ รวมถึงสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศ

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯได้ออกมาแถลงก่อนหน้านี้ว่า ถึงแม้ผู้แทนการเจรจาของฝ่ายเกาหลีเหนือในครั้งนี้ จะเคยเป็นตัวแทนในการประชุม 6 ฝ่าย แต่การเจรจาครั้งนี้ มุ่งหารือเฉพาะเรื่องความช่วยเหลือด้านอาหาร โดยไม่พาดพิงถึงประเด็นอาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯอาจใช้เวลาเพื่อตัดสินใจอนุมัติความช่วยเหลือดังกล่าวค่อนข้างนาน เนื่องจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯต้องการเวลาเพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในเกาหลีเหนือ

ด้านรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้ชื่นชมการหารือระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือครั้งนี้ โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นกล่าวว่า ความพยายามที่จะเจรจากันอย่างสันติเป็นทิศทางที่ดีต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ รวมถึงปัญหาระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ซึ่งมีสหรัฐฯเป็นตัวแปรสำคัญ

ทั้งนี้ สหประชาชาติและองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ได้เคยประเมินว่า สถานการณ์ความอดอยากในเกาหลีเหนือจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ โดยคาดว่ามีประชาชนในเกาหลีเหนือที่ต้องการความช่วยเหลือด้านโภชนาการมากกว่า 6 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ประชาคมโลกมักปฏิเสธ การขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ เพราะเกรงว่ารัฐบาลจะกักตุนของบริจาคไว้ หรือส่งของไม่ถึงมือประชาชน

Produced by VoiceTV

Round Up112 : เฟซบุ๊กสหรัฐฯขอคนไทยอย่าใช้คำหยาบโพสต์

เฟซบุ๊กสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เขียนข้อความขอให้ผู้โพสต์ข้อความ อย่าใช้คำหยาบคายหรือข่มขู่ หลังจากมีผู้โพสต์ข้อความจำนวนมาก ตำหนิท่าทีของสหรัฐต่อการบังคับใช้มาตรา 112

ด้านรองนายกรัฐมนตรี ย้ำ จะเร่งตรวจสอบเรื่องร้องเรียนจากส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กรณีนายสุนัย จุลพงศธร มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในการเผยแพร่และปลุกระดมให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสถาบัน

นายศิริโชค โสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดสงขลา ยื่นหนังสือต่อ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้ตรวจสอบพฤติกรรม นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีระบบรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กรณีมีคลิปภาพและเสียงแสดงทัศนคติเป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ปลุกระดมคนเสื้อแดง ด้วยการบิดเบือนข้อมูล หวังผลเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง และมีการเผยแพร่ไปยังต่างประเทศผ่านโซเชียลมีเดีย

โดยขอให้ตรวจสอบอย่างจริงจัง เพื่อพิสูจน์ความจริงใจของรัฐบาลในการปกป้องสถาบัน และเรียกร้องให้รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการกำหนดนโยบายการป้องกันและปราบปรามการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมายหรือไม่เหมาะสมผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ดำเนินคดีตามกฎหมาย และอยากให้รัฐบาลจริงจังกับการปราบปราม และปิดเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ที่เป็นบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์

ขณะที่เฟซบุ๊กของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เขียนข้อความว่า สถานทูตยินดีรับมุมมองและความคิดเห็นที่หลากหลายบนหน้าเฟซบุ๊ก แต่ขอให้ทำความเข้าใจกับเงื่อนไขในการให้บริการเฟซบุ๊กของทางสถานทูต และโปรดงดเว้นการใช้ภาษาที่หยาบคาย รุนแรง หรือข่มขู่

ซึ่งข้อความนี้ เกิดขึ้นหลังมีผู้เข้าไปโพสต์ข้อความจำนวนมาก ตำหนิ ท่าทีของนางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย หลังศาลมีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี 5 เดือน นายโจ กอร์ดอน ชายไทยสัญชาติอเมริกัน ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

โดย นางคริสตี้  เคยระบุว่า สหรัฐกังวลใจต่อเรื่องดังกล่าว เพราะการตัดสินไม่สอดคล้องกับมาตรฐานเสรีภาพพื้นฐานสากลว่าด้วยสิทธิในการแสดงออก พร้อมยืนยันว่าทางการสหรัฐมีความเคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยอย่างหาที่สุดมิได้ แต่สหรัฐสนับสนุนการมีสิทธิทางความคิดและเสรีภาพในการแสดงออกทั่วโลก

ขณะที่ภาคีเครือข่ายสยามสามัคคี นำโดย พลเอก สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าคณะสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ เรียกร้องให้รัฐบาลแสดงท่าทีที่ชัดเจน ต่อกรณีที่มีตัวแทนองค์กรต่างชาติ เช่น รักษาการโฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ,ผู้ตรวจการพิเศาแห่งสหประชาชาติ ,เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และ ผู้แทนระดับสูงสหภาพยุโรปด้านการต่างประเทศและนโยบายด้านความมั่นคง    แสดงความคิดเห็นและเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112

โดยเครือข่าย เรียกร้องให้รัฐบาลปฏิบัติถึงหลักการยึดมั่น ยอมรับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำความเข้าใจกับตัวแทนองค์กรต่างชาติถึงรายละเอียดของกฎหมายอาญา มาตรา 112   และวัฒนธรรมการปกครองระหว่างประชาชนไทยกับพระมหากษัตริย์

โดยต้องทำหนังสือชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับคดีที่เกี่ยวข้อง และผลร้าย หากมีการละเมิด และต้องออกหนังสือประณามการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทย

ด้านกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เปิดเผยว่า ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงปิดกั้นข้อความไม่เหมาะสมแล้วกว่า 60,000 ยูอาร์แอล เปรียบเทียบกับรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่ปิดไป 73,000 ยูอาร์แอลในช่วง 3 ปี ก็แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้เอาจริงเอาจัง และปิดกั้นได้ ทั้งเว็บไซต์ที่เปิดในไทย และต่างประเทศ

Produced by VoiceTV

ทนาย นปช.ยื่นวัตถุพยาน คดี 10 เม.ย.

ทนายความ นปช. นำพวัตถุพยาน เหตุการณ์สลายการชุมนุม ในช่วงเดือนเมษายน 2553 มามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อนำไปประกอบสำนวนชันสูตรพลิกศพ แนวร่วม นปช. 16 ศพ ที่เตรียมจะส่งให้อัยการในวันพรุ่งนี้

นายคารม พลพรกลาง ทนายความ นปช.พร้อมด้วยนาย ชัยวัฒน์ ปทุมเดช หนึ่งในทนายความ นปช. นำพยานวัตถุประกอบด้วย ตลับกระสุนปืนเอ็ม 60 จำนวน 70 นัด ปลอกกระสุนปืนลูกซองจำนวน 25 นัด กระปุกบรรจุวัตถุเคมี โดยข้างกระปุกมีรหัสที่ระบุหน่วยงานที่นำออกมาใช้ นำมามอบให้ พันตำรวจเอก วัลลภ ปทุมเมือง รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดพิเศษในการชันสูตรพลิกศพแนวร่วมนปช.16 ศพที่ระบุว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ

นายชัยวัฒน์ ผู้ที่นำพยานวัตถุมาส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ อ้างว่าพยานวัตถุเหล่านี้มีผู้หวังดีนำมามอบให้ โดยยืนยันว่าเก็บมาจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 บริเวณสี่แยกคอกวัว ซึ่งเหตุผลที่เพิ่งนำวัตถุพยานต่างๆมามอบให้ เนื่องยังไม่มั่นใจในความปลอดภัยในช่วงที่ผ่านมา และไม่เชื่อว่ารัฐบาลชุดที่แล้วจะนำหลักฐานเหล่านี้ไปสรุปสำนวนคดีเพื่อเอาผิดมาลงโทษได้ ประกอบกับในช่วงนี้คดีแนวร่วม นปช.ที่เสียชีวิตทั้ง 16 ศพ กำลังเดินหน้าสู่กระบวนการยุติธรรม จึงเห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมในการนำพยานหลักฐานเหล่านี้มามอบให้ เพื่อนำไปสู่การเชื่อมโยงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้าน นายคารม พลพรกลาง กล่าวเพิ่มเติมว่า การสรุปสำนวนคดีของเจ้าหน้าที่สอบสวนคดีชันสูตรพลิกศพให้อัยการตามกรอบเวลาในวันพรุ่งนี้ ผู้เสียหายสามารถนำหลักฐานไปยื่นเพิ่มเติมได้ อีกทั้งยังเปิดเผยว่า ขณะนี้มีคลิปในวันที่นักข่าวชาวอิตาลี นายฟาบิโอ โพเรสกี้ เสียชีวิต ซึ่งในคลิปสามารถบอกได้ชัดเจนว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากอะไร

Produced by VoiceTV

รมว.พลังงาน ยันขึ้นราคาNGV 50สต./ก.ก.

ไทยแลนด์อินเทอเรสต์ ประจำวันที่ 15 ธ.ค. 2554

- รมว.พลังงาน ยันขึ้นราคาNGV 50สต./ก.ก.

- น้ำท่วมขัง 30 ชุมชนใน กทม.

- กรมอุตุฯ เตือนไทยหนาวขึ้นอีก

- เฉลิม งดตอบ พ.รบ.นิรโทษกรรม

Produced by VoiceTV

น้ำท่วมกระทบอุตฯอาหาร 5 หมื่นล้าน

สถาบันอาหารประเมินสถานการณ์น้ำท่วมทำอุตสาหกรรมอาหารไทยสูญรายได้กว่า 5 หมื่นล้าน ขณะที่ปีหน้าความผันผวนศก.โลก เป็นปัจจัยหลักฉุดการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารไทย

นายเพ็ชร ชินบุตร ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร เปิดเผยว่า ปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อโรงงานด้านอุตสาหกรรมอาหารทั่วประเทศจำนวนไม่ต่ำกว่า 1,300 ราย หรือประมาณร้อยละ 15 ของโรงงานอาหารทั้งหมด ขณะที่โรงงานในจังหวัดอื่นๆที่อยู่นอกพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมหลายโรงงานต้องชะลอการผลิตลงอย่างน้อยร้อยละ 10 - 30 เนื่องจากขาดแคลนวัตถุดิบ เช่น ผัก ส่วนผสมอาหาร และบรรจุภัณฑ์ คาดว่าสร้างความเสียหายและค่าเสียโอกาสทางธุรกิจทั้งหมดในเบื้องต้นมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท จากการหยุดกิจการขั้นต่ำ 3 เดือน ขณะเดียวกันดัชนีความเชื่อมั่นภาวะอุตสาหกรรมอาหารโดยรวมในเดือนพฤศจิกายน 2554 อยู่ในเกณฑ์ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบปีโดยมีค่าความเชื่อมั่นอยู่ที่ระดับ 47.7 จากเดิมอยู่ที่ 51.3 ทั้งนี้ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกอาหารไทยปีนี้ที่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท ลดลงเหลือเพียง 963,000 ล้านบาทเท่านั้น

ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารไทยปี 2555 นายเพ็ชรกล่าวว่า น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีนี้ โดยคาดว่า มูลค่าการส่งออกอาหารไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 หรือมีมูลค่าประมาณ 971,000 ล้านบาท โดยปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหารในภาพรวมปีหน้า เป็นเรื่องการรับมือกับปัญหาน้ำท่วมที่จะต้องสร้างความมั่นใจให้กับต่างชาติ และที่สำคัญคือความผันผวนของเศรษฐกิจโลก จากปัญหาหนี้ในยุโรป

สำหรับสินค้าส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวดีของอุตสาหกรรมอาหารในปีหน้า คือ ไก่และสัตว์ปีก ที่มีตลาดหลักในญี่ปุ่นและยุโรป ส่วนสินค้าที่มีแนวโน้มการส่งออกลดลง คือ ข้าว คาดว่าจะส่งออกได้ประมาณ 8.5 - 8.6 ล้านตัน จากเดิมประมาณ 10 ล้านตัน เนื่องจากผลผลิตข้าวในประเทศผู้บริโภคข้าวรายใหญ่มีปริมาณเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาข้าวไทยที่อยู่ในระดับสูงกว่าคู่แข่งทำให้แข่งขันได้ยากและอาจจะเสียตลาด

Produced by VoiceTV

ภาคีเครือข่ายสยามสามัคคี ร้องรัฐให้ชัดเจนต่อม.112

ภาคีเครือข่ายสยามสามัคคี เรียกร้องให้รัฐบาลแสดงท่าทีที่ชัดเจน กรณีที่มีหลายฝ่ายออกมาแสดงความคิดเห็นและเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112

ภาคีเครือข่ายสยามสามัคคี นำโดย พลเอก สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าคณะสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ เรียกร้องให้รัฐบาลแสดงท่าทีที่ชัดเจน ต่อกรณีที่มีตัวแทนองค์กรต่างชาติ เช่น รักษาการโฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ,ผู้ตรวจการพิเศาแห่งสหประชาชาติ ,เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และ ผู้แทนระดับสูงสหภาพยุโรปด้านการต่างประเทศและนโยบายด้านความมั่นคง แสดงความคิดเห็นและเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112

โดยเครือข่าย เรียกร้องให้รัฐบาลปฏิบัติถึงหลักการยึดมั่น ยอมรับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำความเข้าใจกับตัวแทนองค์กรต่างชาติถึงรายละเอียดของกฎหมายอาญา มาตรา 112 และวัฒนธรรมการปกครองระหว่างประชาชนไทยกับพระมหากษัตริย์

โดยต้องทำหนังสือชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับคดีที่เกี่ยวข้อง และผลร้าย หากมีการละเมิด และต้องออกหนังสือประณามการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทย

Produced by VoiceTV

"คดีทรมานนศ.ยะลา" บทพิสูจน์กระบวนการยุติธรรมไทย

รายการ Intelligence ประจำวันที่ 15 ธ.ค. 2554

คดีจับกุมนักศึกษายะลา 7 คน โดย 2 ใน 5 คนมีหมายจับตามประมวลกฎหมายอาญา เกิดขึ้นเมื่อต้นปี 2551 นักศึกษาทั้ง 5 คน ถูกควบคุมตัวเพื่อให้รับสารภาพ เนื่องจากเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบ หลังครบระยะเวลาควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก 7 วัน แล้วฝ่ายความมั่นคงไม่ได้ขออำนาจศาลควบคุมตัวต่อ ตามอำนาจพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ญาติของนักศึกษาจึงร้องต่อศาลว่ามีการควบคุมตัวโดยมิชอบ และซ้อมทรมาน ก่อนจะเปิดไต่สวน 2 ฝ่าย ได้มีการปล่อยตัวนักศึกษาทั้ง 5 ออกมาก่อน

หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี นักศึกษา 2 คน ที่คนหนึ่งไปพิสูจน์บาดแผลจากการถูกซ้อมทรมาน จึงฟ้องร้อง กองทัพบก และกระทรวงกลาโหม ต่อศาลแพ่ง แต่อัยการแก้ต่างให้จำเลยว่า ใช้อำนาจตามกฎหมายพิเศษ ขอให้จำหน่ายคดี คดีนี้จึงมาอยู่อำนาจของศาลปกครอง

หลังต่อสู้คดีนานเกือบ 3 ปีในที่สุดศาลปกครองจังหวัดสงขลา มีคำสั่งให้ กองทัพบก ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 และ 2 รายละ 2 แสน 5 หมื่นบาท แต่เนื่องจากผู้ฟ้องคดีรายแรก มีบาดแผล จึงให้ชดใช้เป็นค่ารรักษาพยาบาล 5,000 บาท

คดีนี้เป็นครั้งแรกที่ประชาชนใน 3 จังหวัด ถูกนำตัวไปคุมขัง และซ้อมสามารถฟ้องร้องจนชนะกคดี แต่อีกแง่หนึ่งก็สะท้อนว่า ผู้เสียหายไม่สามารถฟ้องร้องคดีอาญา เพื่อเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ผู้กระทำความผิด หรือกระทำเกินกว่าเหตุได้ เพราะเจ้าหน้าที่มีอำนาจตามกฎหมายพิเศษ คือ พรบ.กฎอัยการศึกและ พรก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินคุ้มครองอยู่ จึงต้องฟ้องร้องต้นสังกัด คือ กองทัพบก และกระทรวงกลาโหม

อังคณา นีละไพจิตร ประธานมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ มองว่า คดีนี้เป็นคดีตัวอย่างที่สะท้อนปัญหาการใช้กฎหมายพิเศษที่เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจ ดุลยพินิจอย่างกว้างขวาง การควบคุมตัวโดยมิชอบ หรือการทรมาน เพื่อให้รับสารภาพอาจเกิดขึ้นได้ แต่ยังพอมีความหวังว่ากระบวนการยุติธรรม ยังพอถ่วงดุลย์อำนาจของพนักงานสอบสวนได้ เพราะสถิติคดีความมั่นคงใน 3 จังหวัดภาคใต้ ยกฟ้องสูงมาก

จันทร์จิรา จันทร์แผ้ว หนึ่งในทีมทนายความของนักศึกษายะลา มองว่า ผลกระทบจากการใช้อำนาจในทางมิชอบของรัฐ มี 2 ข้อ คือ ผลกระทบต่อเหยื่อการทรมาน ทำให้การดำเนินชีวิตไม่ปกติ ต้องใช้เวลาสู้คดีนานกว่าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรม หากเจ้าหน้าที่ใช้วิธีทรมาน แล้วไม่ถูกตรวจสอบจะกลายเป็นการทำซ้ำ เป็นวัฒนธรรมการใช้อำนาจที่มิชอบด้วยกฎหมาย

สำหรับคดี 2 นักศึกษายะลา จะยังมีการอุทธรณ์ต่อ เพื่อให้ศาลชี้ชัดประเด็น "การทรมาน" แต่ถือเป็นความก้าวหน้าของกระบวนการยุติธรรมไทยในแง่การสร้างบรรทัดฐาน กรณีการควบคุมตัวโดยมิชอบ และการจำกัดการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐ

Produced by Voice TV

บิ๊กคลีนนิ่งเดย์มหาวิทยาลัยย่านรังสิต

มหาวิทยาลัยกรุงเทพและมหาวิทยาลัยรังสิต เริ่มกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งแล้วในวันนี้ (15ธ.ค.54) ก่อนที่มหาวิทยาลัยทั้งสองแห่งจะเปิดการเรียนการสอนในเดือนมกราคม

เบื้องต้นความเสียหายของทั้งสองมหาวิทยาลัยอยู่ที่หลักหลายร้อยล้านบาท โดยหลังจากนี้ทั้งสองมหาวิทยาลัยจะเสริมแผนป้องกันเพื่อรับมือกับเหตุการณ์น้ำท่วมในอนาคต

Produced by VoiceTV

เด็ด "ดา" สะเทือน "สนธิ ลิ้มทองกุล"

กองบรรณาธิการเว็บไซต์วอยซ์ทีวี เขียนบทวิเคราะห์ คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่ในช่วงนี้ สังคมเริ่มเห็นปรากฎการณ์ความเข้มงวดในการใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

โดยล่าสุดวันนี้ ศาลมีคำพิพากษาจำคุก 15 ปี ดา ตอร์ปิโด จากการขึ้นปราศรัยของเธอเมื่อปี 2551 ซึ่งเป็นเจตนาที่แสดงต่อสาธารณะ แต่คดีที่เกี่ยวเนื่องกับคำพูดหมิ่นสถาบันของเธอ จำเลยกลับได้รับการประกันตัว

สังคมเริ่มได้เห็นปรากฏการณ์ การเข้มงวดเรื่องของการใช้กฎหมายควบคุมพฤติกรรมการหมิ่นประมาทสถาบันอย่างจริงจัง แต่ดูเหมือนว่าปรากฏการณ์ที่จริงจังดังกล่าว กลับทำให้ถูกเพ่งเล็งว่า เป็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายที่อยู่ตรงข้าม โดยเอาเรื่องของ ความจงรักภักดี มาใช้เป็นอาวุธ

กรณี การเคลื่อนไหวปรากฏการณ์ฝ่ามืออากง ซึ่งขณะนี้ ได้รับการตอบรับจากผู้คนที่มีแนวคิด ต้องการให้เกิดความเป็นธรรมของการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่เกี่ยวข้องในความผิดฐาน หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี และองค์รัชทายาท

ทั้งนี้ เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วว่า การแสดงความไม่จงรักภักดี หรือ การพูดจาจาบจ้วง ที่ไม่เหมาะสมต่อสถาบัน เป็นเรื่องที่ทุกคนในสังคมรับไม่ได้ อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนต่อจิตใจของคนในชาติ และตามกฎหมายมีการระบุความผิดเอาไว้อย่างชัดเจน

อย่างกรณี ที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3959/2551 พิพากษา น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ "ดา ตอร์ปิโด" แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มีความผิด ฐานกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม รวม 3 กระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมจำคุก 15 ปี ในการใช้คำพูดจาบจ้วงเบื้องสูง มีความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และพระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

โดย “ดา ตอร์ปิโด” ได้ขึ้นปราศรัย เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2551ด้วยข้อความที่หมิ่นประมาทสถาบัน และทางฝ่ายราชการที่ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาฝังตัวในการชุมนุมของกลุ่มนปช.ที่สนามหลวงในวันนั้น ได้บันทึกเสียงเป็นหลักฐานอย่างชัดเจน จนนำไปสู่ขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมอย่างถึงที่สุด

เรื่องที่เป็นความผิดก็ต้องว่าตามความผิด ตามกฎหมาย และตามมาตรฐานเดียวกันในการพิจารณา ทั้งเรื่องการตรวจสอบ การไต่สวน และการพิสูจน์ความจริง

แต่ในขณะที่ กรณีของ “อากง” นายอำพล ตั้งนพกุล ชายสูงอายุวัย 61 ปี ที่ตกเป็นผู้ต้องหา ในความผิดฐาน หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี องค์รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(2),(3) ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลใดๆอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

ท่ามกลางการตั้งข้อสังเกตอย่างมากมายในการไต่สวนและพิสูจน์ความจริง แต่ “อากง” ก็ต้องโทษ 4 กระทงๆละ 5 ปี รวม 20 ปี เป็นที่เรียบร้อย โดยยังอยู่ระหว่างการคุมขังและอยู่ในช่วงที่จะตัดสินใจว่าจะยื่นอุทธรณ์สู้คดีหรือไม่ หรือจะขอรับพระราชทานอภัยโทษ แต่มีแนวโน้มว่า “อากง” อาจจะขออุทธรณ์คดีนี้ เพราะยืนยันว่า ตัวเองไม่ได้เป็นผู้ส่งข้อความดังกล่าว

ขณะที่ หลายคดีของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเฉพาะที่เกี่ยวพันกับคดีหมิ่นประมาท นายสนธิ ใช้สิทธิตามกฎหมาย ประกันตัวออกไปสู้คดีเพื่อพิสูจน์ตัวเอง แม้กระทั่งในคดีที่ถูกฟ้องในกรณีนำคำพูดของ “ดา ตอร์ปิโด” ไปปราศรัยต่อในเวทีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.2066/2553ซึ่งขณะนี้คดียังไม่ถึงที่สุด และนายสนธิใช้สิทธิในการประกันตัวออกไปสู้คดี ในขณะที่ต้นเหตุของคำพูด ถูกตัดสินพิพากษาเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว คงต้องดูว่า การดำเนินการในขั้นตอนคดีจะเป็นอย่างไรต่อไป

นอกจากนี้ ย้อนไปในคดี นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย เป็นโจทก์ฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล และกลุ่มจำเลยร่วม ที่ในที่สุดศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลดโทษจำคุกนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ จำเลยที่ 5 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 2 ปี เหลือลงโทษจำคุก 6 เดือน

พร้อมกับมีคำพิพากษายืนให้ปรับบริษัท ไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด ผู้ผลิตรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ จำเลยที่ 1 เป็นเงิน 200,000 บาท และให้ยกฟ้องจำเลยร่วมอีก 8 รายไปนั้น

คดีนี้นายภูมิธรรม ฟ้องนายสนธิ เนื่องจากไปจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 10 ที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี แล้วมีการกล่าวหมิ่นประมาทในทำนองว่าเป็นอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ไม่เคารพสถาบันกษัตริย์ และระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งเกี่ยวข้องกับการจัดทำเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง โดยถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี เป็นเวลาหลายเวลาในเดือน พฤศจิกายน 2548 และในเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์

โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2550 ให้จำคุกนายสนธิ จำเลยที่ 5 เป็นเวลา 2 ปี เพราะศาลฯได้พิจารณาแล้วว่า การทำหน้าที่ตอนนั้น ไม่เป็นไปด้วยการติชมด้วยความสุจริจและเป็นธรรม โดยคดีดังกล่าว ภายหลังนายสนธิ ได้ยืนยันว่า จะขอยื่นฎีกาสู้คดีต่อไป พร้อมประกันตัวสู้คดียื่นฎีกาในประเด็นข้อเท็จจริงต่อไป

นอกจากนี้ นายสนธิยังมีอีกหลายคดีที่มีการฟ้องร้องเรื่องของการหมิ่นประมาท โดยเฉพาะกับคู่กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และหลายคดีได้มีคำพิพากษาไปแล้ว และให้รอลงอาญาเอาไว้

จึงอาจมีมุมมอง ที่ต้องการให้เห็นว่า การต่อสู้เรื่องคดีที่มีการเชื่อมโยงไปถึงเบื้องสูง จะต้องทำอย่างเป็นธรรม และไม่ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อรังแกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือใครจะมีสิทธิพิเศษเหนือกันและกัน

กระแสการเรียกร้องเรื่องของ มาตรา 112 จึงขยายวงกว้าง และต่างชาติยังให้ความสนใจเป็นกรณีพิเศษตามมา อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ทุกหัวใจของคนไทยยังมีความรักเดียวกัน เพียงต้องการให้อย่าเอาความรัก ไปแบ่งว่าใครรักมาก หรือรักน้อย และฝ่ายที่คิดว่าตัวเองรักมาก ก็อย่าเอาแต่รังแกฝ่ายที่คิดว่ามีความรักน้อยกว่าตัวเอง เพราะทุกคนต่างก็มีหัวใจดวงเดียวกัน คือ หัวใจความเป็นคนไทย

Produced by VoiceTV

คาดน้ำท่วม กทม.ถาวรในอีก 2-9 ปี

ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในประเทศไทย มีนักวิชาการจำนวนมากเชื่อว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยระบุว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ภัยพิบัติเกิดขึ้น คือการระเบิดของดวงอาทิตย์

ดร.ก้องภพ อยู่เย็น นักวิทยาศาสตร์องค์การนาซ่า ระบุว่า ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในโลก ส่วนหนึ่งเกิดจากการกระทำของมนุษย์ แต่สาเหตุสำคัญที่ยังไม่ค่อยมีใครพูดถึง คือการเปลี่ยนแปลงของดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของระบบสุริยะจักรวาล โดยทุกครั้งที่มีการระเบิดบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ จะทำให้เกิดลมสุริยะพัดออกมาโดยรอบดวงอาทิตย์และเคลื่อนที่มาถึงโลก มีผลทำให้สนามแม่เหล็กของโลกถูกรบกวนจนแปรปรวน จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทั้งกระแสน้ำในมหาสมุทร และการก่อตัวของพายุอย่างฉับพลัน

ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว ลมสุริยะ จะใช้เวลาเดินทางมาถึงโลกภายใน 3-5 วัน ดังนั้น นักวิทยาศาสตร์ จึงสามารถคาดการณ์ได้ว่า หากเกิดลมสุริยะ ในโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายใน 1 วัน จากนั้นอีก 3 วันจะเกิดภัยพิบัติที่รุนแรงมากขึ้น

สมมติฐานของ ดร.ก้องภพ เป็นเรื่องใหม่ แต่มีผลการทดลองหลายครั้งที่ยืนยันว่า ลมสุริยะมีผลทำให้เกิดภัยพิบัติขึ้นในโลกจริง ยกตัวอย่างเช่น กรณีน้ำท่วมประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา เกิดขึ้นหลังจากที่ดวงอาทิตย์ระเบิดเพียง 4 วัน หลังจากนั้น ฝนตกอย่างหนัก เช่นเดียวกับกรณีการเกิดพายุนาลแก พายุนกเต็น โรงไฟฟ้าในแคนาดาดับ ภูเขาไฟระเบิดในสเปน และแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น

ขณะที่ ดร.สมิทธ ธรรมสโรจ ประธานกรรมการมูลนิธิสภา เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมา การคาดการณ์ภัยพิบัติต่างๆคำนวณจากการเปลี่ยนแปลงในโลกเท่านั้น แต่เมื่อนำข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของดวงอาทิตย์มาพิจารณาด้วย การคาดการณ์จึงแม่นยำขึ้น โดยนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล คาดการณ์ว่า กรุงเทพมหานคร จะเป็นหนึ่งในเมืองหลวงหลายแห่งในทวีปเอเชีย ที่จะได้รับผลกระทบจากการละลายของภูเขาน้ำแข็งมากที่สุด โดยภายใน 2-9 ปี น้ำจะท่วม กทม. และหลายจังหวัดในภาคกลางอย่างถาวร ระดับน้ำสูง 1-1.5 เมตร เนื่องจาก กทม.ตั้งอยู่บนดินเหลว และมีการทรุดตัวของแผ่นดินอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ กทม.ยังอาจเกิดแผ่นดินไหว เพราะมีรอยเลื่อนถึง 13 รอย ในภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ โดยเฉพาะรอยเลื่อนในจังหวัดกาญจนบุรี หากมีแผ่นดินไหวมากกว่า 7 ริกเตอร์ เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ์ ซึ่งตั้งทับรอยเลื่อนเหล่านี้จะแตก จนทำให้น้ำท่วมบริเวณใกล้เคียงสูงถึง 25 เมตร ภายในเวลา 5 ชั่วโมง

ขณะที่พื้นที่ภาคใต้ของไทย อาจเจอคลื่นสึนามิอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย และจะรุนแรงยิ่งกว่าสึนามิเมื่อ 7 ปีที่แล้ว เนื่องจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวมาจากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ มีระยะเคลื่อนที่ของคลื่นไม่ถึง 40 นาทีก็จะถึงชายฝั่งของไทย ทั้งนี้ การเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิ ก็มีสาเหตุมาจากลมสุริยะ

Produced by VoiceTV

จากอากง สู่ หนังสือ "ก้าวข้ามความกลัว"

ที่ลานปรีดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จัดกิจกรรมเปิดตัวหนังสือและนิทรรศการภาพถ่าย " ก้าวข้ามความกลัว " ที่เกิดขึ้นหลังศาลมีคำพิพากษาจำคุกนายอำพล หรือ อากง 20 ปี

Produced by VoiceTV

นักวิทยาศาสตร์นาซ่า ระบุ ลมสุริยะ ต้นเหตุภัยพิบัติใหญ่

รายการข่าว Voice News ประจำวันที่ 15 ธ.ค. 2554

- นักวิทยาศาสตร์นาซ่า ระบุ ลมสุริยะ ต้นเหตุภัยพิบัติใหญ่

- ทนายนปช. มอบวัตถุพยานคดี 16 ศพเพิ่ม

- จากฝ่ามืออากง สู่หนังสือก้าวข้ามความกลัว

นักวิทยาศาสตร์นาซ่า ระบุ ลมสุริยะ ต้นเหตุภัยพิบัติใหญ่

อุตสาหกรรมอาหาร ประเมินเสียหายจากน้ำท่วม 5 หมื่นล้านบาท กระทบความเชื่อมั่น พร้อมยอดการส่งออก ลดลงกวา 3 หมื่นล้านบาท ด้านนักวิทยาศาสตร์นาซ่า ระบุภัยพิบัติใหญ่ เกิดจากปรากฎการณ์ลมสุริยะ

ทนายนปช. มอบวัตถุพยานคดี 16 ศพเพิ่ม

ตำรวจเตรียมสรุปสำนวนคดี 16 ศพนปช.พรุ่งนี้ ด้านทนาย เข้ามอบวัตถุพยานตลับกระสุนปืนที่พบในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเพิ่มเติม

จากฝ่ามืออากง สู่หนังสือก้าวข้ามความกลัว

เปิดตัวหนังสือ " ก้าวข้ามความกลัว" ที่ลานปรีดี ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นักวิชาการร่วมถกปัญหาการใช้มาตรา 112 ยิ่งใช้ ยิ่งเพิ่มจำนวน

Prduced by VoiceTV

เหล้าเถื่อนอินเดียคร่าชีวิตนักดื่มแล้ว 102 ราย

ชาวอินเดียกว่าร้อยคนเสียชีวิตจากพิษเหล้าเถื่อน ในขณะที่อีกหลายสิบคนยังมีอาการป่วยรุนแรง

ชาวบ้านกว่า 100 คนเสียชีวิตจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ที่ซื้อจากร้านขายเหล้าเถื่อน โดยเหตุสลดดังกล่าวเกิดขึ้นในชุมชนโมกราฮัต ทางตอนใต้ของเมืองกัลกัตตาในรัฐเบงกอลตะวันตกของอินเดีย

ในขณะที่ชาวบ้านอีกหลายสิบคนยังคงรับการรักษาอาการป่วยรุนแรงอยู่ที่โรงพยาบาล
ในเขตชนบท ผู้ป่วยหลายคนต้องนอนบนพื้นเนื่องจากโรงพยาบาลดังกล่าวมีเตียงคนไข้ไม่เพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วยจำนวนมากได้

เหตุสลดดังกล่าว รวมถึงเหตุไฟไหม้โรงพยาบาลในอินเดียก่อนหน้านี้ ได้ตอกย้ำความหละหลวมของมาตรฐานด้านสุขภาพและความปลอดภัยของชาวอินเดีย

ทั้งนี้ ในประเทศอินเดียมีผู้เสียชีวิตจากการบริโภคเหล้าเถื่อนบ่อยครั้ง เนื่องจากผู้มีรายได้น้อยมักซื้อเหล้าเถื่อนที่กลั่นขึ้นเอง เพราะมีราคาต่ำกว่าเหล้าถูกกฎหมาย ทั้งนี้ ผู้ผลิตเหล้าเถื่อนมักจำหน่ายเหล้าที่ผ่านกระบวนการกลั่นไม่ครบถ้วน หรือจงใจใส่สารจำพวกยาฆ่าหญ้าและยาฆ่าแมลงเพื่อเร่งกระบวนการหมักเหล้า

โดยนาย มามะตา บาเนอร์จี ผู้นำรัฐบาลท้องถิ่นของรัฐเบงกอลตะวันตกได้ประกาศว่า จะดำเนินการกวาดล้างการค้าเหล้าเถื่อนให้หมด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุสลดในทำนองนี้ขึ้นอีก

Produced by VoiceTV

ทองคำผันผวน ปรับราคาเกือบ 10 ครั้ง

รายการ CASH FLOW ประจำวันที่ 15 ธันวาคม 2554

ความวิตกกังวลถึงวิกฤติหนี้ในยุโรปที่แม้ผู้นำของประเทศในสหภาพยุโรปจะบรรลุข้อตกลงในการร่วมมือกันฝ่ามรสมไปด้วยกัน แต่นักลงทุนเห็นว่ายังขาดแผนงานรวมถึงการบังคับใช้ที่ชัดเจน ส่งผลให้มีการเทขายทองคำออกมาอย่างหนัก ร่วงลงต่ำกว่า 1,550 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ขณะที่รัฐมนตรีว่าการพลังงานยืนยันว่าจะยังไม่ขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล เพื่อช่วยบรรเทาภาระจากปัญหาน้ำท่วม นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวบัตรเครดิตพลังงานนำร่อง 150 ใบอย่างเป็นทางการให้แก่ผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะได้ใช้ลดต้นทุนเมื่อราคาก๊าซธรรมชาติพุ่งสูงขึ้น ติดตามใน CASH FLOW กับคุณธีรัตถ์ รัตนเสวี

Produced by VoiceTV

"หัวอก" รัฐมนตรีช่วย ตัวเร่งปรับครม.

รายการ Hot Topic ประจำวันที่ 15 ธ.ค. 2554

นายสุรพษ์ รมช.กระทรวงศึกษา ยืนยันไม่มีความขัดแย้งในเชิงส่วนตัว หากจะมีก็เป็นเพียงเรื่องงานเท่านั้น แต่สามารถพูดคุยกันได้ เพื่อให้งานออกมามีคุณภาพ

วันนี้ (15 ธันวาคม 2554) รายการ Hot Topic ร่วมพูดคุยกับนายสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าอาจถูกปรับออกจากครม.ยิ่งลักษณ์ 1ในช่วงหลังปีใหม่ ด้วยข้อกล่าวหาว่า จัดอยู่ในประเภทรัฐมนตรีโลกลืม หรือผลงานไม่เข้าตากรรมการ

นายสรุพงษ์ กล่าวว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมาเกือบที่เข้ารับตำแหน่งก็ทุ่มเทเวลาในการดำเนินภารกิจหลักช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบอุทกภัย โดยแทบจะไม่มีเวลาเข้าไปนั่งทำงานในกระทรวงฯ ตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือนที่ผ่านมา เมื่อสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย รัฐมนตรีทุกคนก็มุ่งหน้าเข้ากระทรวง ทำงานตามหน้าที่ภารกิจของตัวเอง

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่มีความขัดแย้งกับนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา หากจะมีก็เป็นเรื่องงาน ในการแบ่งงาน หรือความรับผิดชอบ ไม่เป็นไปตามสัดส่วนความเหมาะสม

การพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีว่าการ และรัฐมนตรีช่วยว่าการ ในเรื่องของการแบ่งงานกันทำ จะนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไข เพื่อประสิทธิภาพ หรือความเหมาะสมอย่างไร หรือ จะเกิดขึ้นเร็วช้าแค่ไหน ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจปรับครม.ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น คงเป็นการยากที่แม้แต่เจ้าตัวจะฟันธงลงไปว่า ตนจะเป็นหนึ่งในจำนวนรัฐมนตรีที่จะถูกปรับออกหรือไม่

Produced by VoiceTV

Thaksin Already Given New Passport?

Surapong Tovichakchaikul had quietly delivered a Thai passport to Thaksin Shinawatra, alleged Democrat Party spokesman Chavanond Intarakomalsoot on Thursday.

Chavanond charged the foreign minister had managed to have the former premier's name deleted from the Consular Department's blacklist and give Thaksin the new passport after the old one had been revoked a few years ago.

He called on Foreign Ministry undersecretary Sihasak Puangketkaew to set up an ad hoc committee to investigate the alleged deletion of Thaksin's name from the official blacklist - the act which, he said, was considered illegal.

''It was said the foreign minister quietly flew to Dubai, the United Arab Emirates, to deliver the new passport to Thaksin himself,'' said the Democrat spokesman, adding an unidentified official of the Foreign Ministry had leaked out Surapong's alleged movement. The ex-premier who has remained in exile since he was ousted in 2006's coup had his passport revoked after the Supreme Court had sentenced him in absentia to a two-years prison under a Ratchada land grab lawsuit.

The Democrat spokesman alleged some officials of the Foreign Ministry secretly went to the Consular Department's head office in a submerged Chang Wattana area in late Oct to clear the ex-premier off its blacklist at the order of the foreign minister. Surapong allegedly traveled to the Middle East city to hand the new passport to his boss last month, according to Chavanond.

The Puea Thai Party's foreign minister, who earlier said he had planned to give Thaksin a new passport as a New Year gift, was not available for comment.

Produced by VoiceTV

รวมประเด็นเด็ดประจำปี 2011

6 - 2 - 2011 : ซุปเปอร์สตาร์ร้องเพลงชาติผิดกลาง Super Bowl

นักร้องสาว Christina Aguilera ได้สร้างเสียงฮือฮากลางสเตเดี้ยม Super Bowl เนื่องจากเธอได้พลั้งเผลอร้องเพลงชาติของประเทศสหรัฐอเมริกาผิดไป ทำให้ประเด็นเรื่องนี้เป็นประเด็นสุดฮอตและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลาย เนื่องจากการที่ได้รับเกียรติให้ขึ้นร้องเพลงชาติในพิธีเปิดฤดูกาลการแข่งขัน The Super Bowl กีฬาอเมริกันฟุตบอลที่มีคนดูสูงที่สุดในประเทศและถือเป็น World Series ที่ใหญ่มาก ท่ามกลางกระแสที่มีทั้งกร่นด่าและให้กำลังใจนั้น เจ้าตัวได้ออกมาให้ข่าวว่า เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในขณะนั้นเธอได้ร้องเพลงผิดท่อน เนื่องจากเธอจริงจังกับการร้องมาก และตื่นเต้นมาก เธอพยายามใช้พลังเสียงของเธออย่างตั้งใจ และไม่รู้จริงๆว่าตัวเองนั้นได้สร้างความขายหน้าครั้งยิ่งใหญ่ต่อหน้าคนนับล้าน

10 - 2 - 2011 : Recceca Black กับเพลง Friday

เด็กสาววัย 14 ปี นามว่า Rebecca Black เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ในวันที่ 10 ก.พ. เธอได้ปล่อยซิงเกิ้ล Friday ที่เธอได้รับแรงบันดาลใจมากใจแห่งหนตำบลใดก็มิอาจทราบได้ และเพลงนี้การเป็นหัวข้อใหญ่ในการถกเถียงท่ามกลาง โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Youtube และ Twitter ร่วมกันวิจารณ์ผลงานเพลงของเธอที่มีคุณแม่ของเธอเป็นผู้สนับสนุนใหญ่ มอบเงินทั้งหมด 4,000 เหรียญสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ลูกสาวของเธอนั้นได้ออกซิงเกิ้ลและมีมิวสิควีดีโอ จนคลิปดังกล่าวได้กลายเป็น Viral Video ของ Youtube

16 - 2 - 2011 : Gaga ครองชาร์ท Billboard 1,000 สัปดาห์

ในวันที่ 16 ก.พ. 2011 เป็นวันที่ Lady Gaga ได้กลายเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์สำหรับ Billboard เนื่องจากเพลงBorn This Way ของเธอนั้นสามารถอยู่ในชาร์ท Hot 100 ไว้ได้ถึง 1,000 สัปดาห์ ซึ่งถือว่าเป็นสถิติใหม่ของ Billboard ในรอบ 52 ปี และยอดผู้เข้าชมมิวสิควีดีโอเพลงนี้ของเธอนั้นมาจำนวนมากถึง 85 ล้านวิวด้วยกัน

22 - 2 - 2011 : ปีทองของ Adele

อีกหนึ่งวันที่น่าจดจำสำหรับวงการเพลลง เนื่องจากเป็นวันที่ Adele ได้ปล่อยอัลบั้ม 21 อัลบั้มที่ 2 ของเธอ และแน่นอนว่าเมื่อเธอได้ปล่อยอัลบั้มออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์หลังจากวันเปิดตัว เพลง Rolling in the Deep ซิงเกิ้ลเปิดตัวของเธอนั้นได้ไต่ขึ้นสู่อันดับที่ 1 ทั้งชาร์ทในประเทศอังกฤษและประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างรวดเร็ว ปรากฏการณ์ “ปีทองของ Adele” ได้เริ่มต้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา งานเพลงของเธอได้รับความสนใจจากเหล่าแฟนเพลงอย่างต่อเนื่องแม้ว่าเธอจะปล่อยซิงเกิ้ลออกมาเพียงไม่กี่ซิงเกิ้ลเท่านั้น อีกทั้งยังต้องยกเลิกการแสดงคอนเสิร์ตที่วางแผนไว้อย่างดิบดีเนื่องจากปัญหาทางด้านสุขภาพ แต่เหล่าแฟนเพลงติดตามผลงานของเธอนั้นได้ให้กำลังใจและสนับสนุนเธออย่างต่อเนื่องจนทำให้ปีนี้กลายเป็นปีทองของ Adele

22 - 5 - 2011 : Beyonce คัมแบ็ก

หลังจากห่างหายไปเป็นระยะเวลา 5 ปี ในที่สุด Billboard Music Awards ได้กลับมาอีกครั้ง เพื่อมอบรางวัลให้เหล่าศิลปินที่ได้สร้างผลงานที่น่าจดจำในสาขาต่างๆ ระหว่างงานประกาศรางวัลนั้นได้มีการแสดงการแสดงสดจากศิลปินมากมายหลายคน และบุคคลที่ได้สร้างความตะลึงงันกับเหล่าผู้ชมทั้งในงานและทางบ้านร่วม 7.9 ล้านคนนั้น คือ Beyonce Knownles ที่คัมแบ็กพร้อมกับซิงเกิ้ลฮ็อทของเธอ Run the World (Girls) และเมื่อเธอขึ้นแสดงนั้น แน่นอนว่าการแสดงของ Beyonce ไม่มีคำว่าธรรมดาแน่นอน

23 - 5 - 2011 : สัปดาห์เดียว Born This Way ขายได้ล้านก็อปปี้

Lady Gaga ได้สร้างสถิติใหม่ขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเธอเป็นเพียงศิลปินเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มียอดขายรวมทั้งหมด 1 ล้านก็อปปี้ ภายในสัปดาห์แรกที่มีการเปิดปล่อยอัลบั้มตัวเต็มของเธอออกมา ในปี 2011 นี้มีเพียงเธอผู้นี้เท่านั้นที่สามารถทำตัวเลขได้สูงขนาดนี้ เธอมียุทธการทางการตลาดโดยการขายอัลบั้ม Born This Way ในราคาเพียง 99 เซนท์ผ่านทางเว็บไซท์ Amazon.com ในวันเปิดตัวอัลบั้ม ซึ่งส่งผลให้ยอดการขายดิจิตอลอัลบั้มของเธอนั้นพุ่งพรวดแซงสถิติของนักร้องคนอื่นไปได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง

23 - 7 - 2011 : Amy Winehouse เสียชีวิต

การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการเพลงได้เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อมีข่าวการเสียชีวิตของ นักร้องหญิงจากเกาะอังกฤษ Amy Winehouse ที่ได้เสียชีวิตที่บ้านของเธอในกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2554 เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า Winehouse เป็นศิลปินที่ดื่มหนัก เที่ยวหนัก กิจกรรมเหล่านั้นส่งผลให้สุขภาพของเธอย่ำแย่ลงเรื่อยๆ จนในที่สุดเธอได้ตัดสินใจเข้าบำบัดอาการของการเป็น Alcoholic แต่หลังจากที่เธอเริ่มต้นรักษาตัวจนทุกอย่างกำลังจะเข้าร่องเข้ารอยนั้น เธอก็ได้จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับมา ข่าวดังกล่างสร้างความตกใจให้กับหลายวงการที่รู้จักเธอผู้นี้เป็นอย่างดี เนื่องจาก Amy Winehouse เป็นนักร้องอังกฤษที่สามารถบุกตลาดอเมริกาได้สำเร็จ ปูทางให้ศิลปินรุ่นน้องอย่าง Lily Allen และ Adele ได้เข้ามาเฉิดฉายอยู่ในอุตสาหกรรมเพลงของประเทศสหรัฐอเมริกา

20 - 7 - 2011 : 360 คอนเสิร์ตสร้างเงินระดับโลก

คอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ของ U2 ได้เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 20 ก.ค. 54 จวบจนถึงปัจจุบันนี้ ทัวร์คอนเสิร์ตที่มีชื่อว่า 360 Tour ของวง U2 นั้นถูกจัดอันดับให้เป็นทัวร์คอนเสิร์ตที่ทำเงินมากที่สุดในประวัติกาล เนื่องจากพวกเขาสามารถทำรายได้รวมถึง 736,421,586 เหรียญสหรัฐอเมริกา จากการขายบัตรเข้าชมคอนเสิร์ตทั่วโลก ซึ่งทางวงได้จัดเตรียมโปรดักชั่นของพวกเขาไปพร้อมกับการทัวร์คอนเสิร์ตในแต่ละประเทศ เพื่อที่จะได้แสดงสดในแต่ละประเทศได้อย่างมีมาตรฐานและสร้างความอลังการได้อย่างทั่วถึง

8 - 8 - 2011 : อัลบั้ม hiphop แห่งปี Watch the Throne

อัลบั้มที่แฟนคลับเพลง Hip-Hop และ R&B ได้เปิดตัวขึ้น สำหรับอัลบั้ม Watch the Throne ที่ได้ 2 แร็ปเปอร์ชื่อดัง Jay-Z และ Kanye West มาร่วม featuring สร้างงานเพลงระดับ high entry ให้แฟนเพลงได้เสพกัน แม้ว่ากระแสตอบรับจะไม่มากเท่ากับแรงกดดันของการรอคอยของแฟนๆ แต่อัลบั้มนี้ถือเป็นอีกหนึ่งอัลบั้มที่น่าจดจำ เพราะทั้งสองคนได้บรรจงในการให้รายละเอียดกับงานเพลงอย่างปราณีตและเต็มที่กับทุกเม็ดทุกหน่วยของงานเพลงที่พวกเขาทำขึ้นมา

28 - 8 - 2011 : Beyonce ท้อง!

ข่าวที่ช็อควงการเพลงอย่างมากในรอบปี 2011 นี้คือข่าวการตั้งท้องของศิลปิน R&B ชื่อดัง Beyonce Knownles ที่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเธอนั้นกำลังตั้งท้องอยู่เมื่อวันที่ 28 ส.ค ระหว่างการเดินพรมแดงในงานประกาศรางวัล MTV Video Music Awards แลพแน่นอนว่าเธอได้ขึ้นแสดงสดเพลงจากอัลบั้ม 4 อัลบั้มล่าสุดของเธอ และได้ลูบท้องของเธอต่อหน้าสื่อมวลชนและแฟนเพลงเพื่อให้ได้เห็นกันถ้วนหน้าสำหรับการตั้งท้องครั้งนี้ เหล่าเพื่อนศิลปินด้วยกัน สื่อมวลชน และแฟนเพลงต่างให้กำลังใจและแสดงความยินดีกับทั้ง Beyonce และ Jay-Z สำหรับข่าวดีในครั้งนี้

5 - 10 - 2011 : Steve Jobs เสียชีวิต

สำหรับธุรกิจการขายเพลงดิจิตัลดาวน์โหลดนั้นโด่งดังขึ้นมาได้นั้น สืบเนื่องมากจากการสร้างประดิษฐกรรมที่มีชื่อว่า iPod และในวันที่ 5 ต.ค. นั้นทั้งโลกต้องตะลึงกับข่าวการจากไปของ Steve Jobs บุคคลที่ได้ประดิษฐ์ iPod ขึ้นมา และมีส่วนช่วยให้ธุรกิจเพลงกลับมารุ่งเรื่องอีกครั้ง สามารถผลักดันการดาวน์โหลดอย่างผิดกฏหมาย และการซื้อขายแผ่นเสียงนั้นหายไปจากวงการเพลง ดังนั้นการสูญเสียครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สำคัญในปี 2011 สำหรับวงการเพลง

2 - 11 - 2011 : Bieber เป็นหนุ่มแล้ว

Justin Bieber หนุ่มน้อยมหัศจรรย์ที่ได้ขว้าดวงใจของสาวๆทั่วโลกไว้อยู่หมัดหลังจากปล่อยซิงเกิ้ลเพลง Baby ออกมาในช่วงต้นปี 2010 สร้างปรากฏการณ์ Justin Fever ในวงการเพลงอย่างแพร่หลาย เหล่าแฟนเพลงยึดติดกับภาพลักษณ์เด็กวัยรุ่นที่แสนจะน่ารัก ต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าศิลปินในดวงใจของพวกเขานั้นได้โตเป็นหนุ่มแล้ว ทางด้านตัว Bieber เองได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขานั้นโตขึ้นแล้ว ได้ก้าวข้ามผ่านคำว่า เด็กน้อย เข้าสู่คำว่า วัยรุ่น เต็มตัว ทั้งวัยวุฒิ วุฒิภาวะ และโครงสร้างทางร่างกาย เสียงใสๆที่เคยได้ยินกันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้านเนื่องจากเสียงของเขานั้นกำลังเข้าสู่ช่วงเสียงแตกหนุ่ม แต่ไม่ว่าอย่างไรแฟนเพลงก็ยังคงให้ความสนับสนุนเขาอย่างต่อเนื่อง และหวังที่จะได้เห็นผลงานที่แสดงถึงการพัฒนาในตัวของเขา

30 - 11 - 2011 : ประกาศรายชื่อ Nominee งาน 54th Grammy Awards

การประกาศเหล่ารายชื่อผู้เข้าชิงรางวัล 54th Grammy Awards ได้ถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางในวันที่ 30 พ.ย งานประกาศรางวัลนี้จัดได้ว่าเป็นงานประกาศรางวัลที่ทรงเกียรติที่สุดสำหรับวงการเพลง ดังนั้นจึงถือเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของเหล่าศิลปินต่างๆ ในแต่ละสาขารางวัล